แนะ TGC ชูตามรอยหนังดึงนักเที่ยวตะลุยส่านซี
สื่อไทยเสนอ “ไอเดียเด็ด” สร้างกระแส “ตามรอยภาพยนตร์” เพิ่มช่องทางกระตุ้นการท่องเที่ยวของมณฑลส่านซี ด้าน TCG รัฐวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยวของจีนขานรับเต็มที่ พร้อมปรับกลยุทธ์ดึงนักเที่ยวตะลุยแดนวัฒนธรรมและอารยะธรรมโบราณของโลก เผย “พล็อตหนังเด่น” จากชีวิตจริงของสาวจีน “เจ้าของค่ายมวยไทย” บนแผ่นดินใหญ่
คณะผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท การท่องเที่ยวมณฑลส่านซีกรุ๊ป จำกัด หรือ TCG.ShanXi (ShanXi Tourist Corporation Group) ภายใต้การนำของ นายหวัง เสี่ยว เลี่ยง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประจำกลุ่มบริษัทฯ ให้การต้อนรับกลุ่มสื่อมวลชนไทย และคณะผู้จัดโครงการศึกษาดูงาน China Trip by CIPG Season 2 ประกอบด้วย ผู้แทนจากกรมกิจการจัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือภาษาต่างประเทศแห่งประเทศจีน (CIPG), สถานเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย และศูนย์จีน-อาเซียน (ปักกิ่ง) และนิตยสาร CHINA REPORT ในฐานะหน่วยงานปฏิบัติงานฯ ที่ได้เข้าเยี่ยมชม พร้อมศึกษาและดูงานในการดำเนินกิจการด้านการลงทุนและบริหารแหล่งท่องเที่ยว ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา
สำหรับ TCG.ShanXi ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลมณฑลส่านซี ก่อตั้งเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ.1998 (2543) มีหน้าที่ในการการลงทุนและบริหารแหล่งท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมและแหล่งอารยธรรมของมณฑลส่านซี อาทิ พระราชวังหวาซิง, สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้, สุสานเฉียนหลิง,พิพิธภัณฑ์วัดฝ่าหมิน อีกทั้งยังได้ลงทุนและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวซือจิง ตามแผนพัฒนาอุตสาหกรรมนครส่านซี เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมโบราณของประเทศจีน
รวมถึงดูแลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของซื่อจิง (ซื่อจิง เป็นหนังสือรวบรวมบทกวี ที่เกิดขึ้นก่อนราชวงศ์หมิง) พร้อมดำเนินการปรับปรุงและซ่อมบำรุงสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติ ที่เข้ามาท่องเที่ยวผ่าน TCG.ShanXi มีบริษัทในเครือรวม 9 แห่ง ราว 30 ล้านคน/ครั้ง ในปี 2018 และในปี 2019 นี้ เชื่อว่าน่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวใกล้เคียงกัน โดยปัจจุบัน TCG.ShanXi มีสินทรัพย์รวมกว่า 2.6 หมื่นล้านหยวน มีรายได้จากการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาราว 2,500 ล้านหยวน คิดเป็นกำไรสุทธิราว 100 ล้านหยวน
นายหวังกล่าวว่า ไม่เพียง TCG.ShanXi จะเข้าไปดูแลรับผิดชอบในการลงทุนและบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของมณฑลส่านซี ซึ่งได้จัดแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนด้านเหนือ กลางและใต้ เท่านั้น หากแต่ยังได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลจีน ให้เข้าไปดูแลรับผิดชอบด้านการลงทุนและบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นๆ อาทิ เมืองไหหลำ และกว่างซี อีกด้วย
ทั้งนี้ TCG.ShanXi และบริษัทในเครือทั้ง 9 แห่ง มีแผนจะแปรรูปไปสู่การเป็นบริษัทเอกชนในอนาคต เพื่อให้การดำเนินงานมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยที่บริษัทแม่ อาจได้รับการยกระดับให้เป็นหน่วยงานกำกับดูแลในเชิงนโยบาย (Regulator) อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังคงเน้นการดำเนินธุรกิจที่มุ่งหวังตอบสนองความต้องการด้านการท่องเที่ยวของประชาชน มากกว่าจะหวังผลกำไรจากการดำเนินงาน เห็นได้จากแคมเปญลดค่าบัตรเข้าเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยว ที่อยู่ในความดูแลของ TCG.ShanXi ถึง 15% ด้วยหวังสร้างแรงจูงใจด้านการท่องเที่ยวของประชาชนเป็นหลัก
นายหวังยังกล่าวอีกว่า การได้ต้อนรับคณะสื่อมวลชนจากประเทศไทยในครั้งนี้ น่าจะมีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนไทยได้รู้จักและเดินทางมาท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของมณฑลส่านซีมากยิ่งขึ้น โดย TCG.ShanXi พร้อมจะดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนเพื่อโปรโมทแหล่งท่องเที่ยวในความดูแล ทั้งนี้ ต้องขอบคุณคำแนะนำดีๆ จากคณะสื่อมวลชนไทย ที่เสนอแนะให้มีการจัดอีเว้นท์ด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะข้อเสนอให้ดำเนินการจัดสร้างภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ ที่มุ่งเน้นส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวของมณฑลส่านซี ในลักษณะ “ท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์” เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ไปปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ เช่นที่หลายประเทศต่างประสบความสำเร็จกับแนวทางการส่งเสริมด้านท่องเที่ยวในลักษณะนี้มาแล้ว
“มีแนวโน้มที่บริษัทฯอาจดำเนินการตามข้อเสนอแนะดีๆ จากสื่อมวลชนไทย เนื่องจากมีบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตภาพยนตร์อยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมายังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร โดยจะต้องกลับไปหารือถึงแนวทางการดำเนินงาน โดยเฉพาะการหาธีมและพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งจะต้องผูกพันกับแหล่งท่องเที่ยวของมณฑลส่านซี และนโยบาย “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (One Belt One Road) ของรัฐบาลจีน เนื่องจากมณฑลส่านซี เคยเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมโบราณ และได้รับมอบหมายให้เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมทางบกในปัจจุบัน” นายหวัง ระบุ และว่า
ขณะนี้ มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับหญิงสาวชาวจีน ในมณฑลส่านซี ที่ชื่นชอบและหลงใหลในศิลปะการต่อสู้ของมวยไทย โดยเธอได้เดินทางไปตามหาความฝันถึงประเทศไทย จนปัจุบันผู้หญิงคนดังกล่าว ได้เป็นเจ้าของ “ค่ายมวยไทย” ในมณฑลส่านซีสมใจแล้ว.