จีนคว่ำบาตร บ.สหรัฐฯ ขายอาวุธไต้หวัน
ปักกิ่ง / วอชิงตัน (รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 12 ก.ค. จีนระบุว่าจะมีมาตรการคว่ำบาตรบริษัทของสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงขายรถถัง ขีปนาวุธ และยุทโธปกรณ์มูลค่า 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (68,090 ล้านบาท) ให้กับไต้หวัน โดยชี้ว่าเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของจีน
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้อนุมัติการขายอาวุธให้กับไต้หวัน ซึ่งมีทั้งรถถัง General Dynamics Corp M1A2T Abrams 108 คัน และขีปนาวุธ Stinger 250 ลูก ซึ่งผลิตโดย Raytheon
สหรัฐฯ ระบุว่า การขายอาวุธครั้งนี้จะช่วยปรับเปลี่ยนสมดุลทางทหารในภูมิภาค แต่จีน ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ และทำสงครามการค้ากันมานานกว่าหนึ่งปี เรียกร้องให้มีการยกเลิกข้อตกลงการขายอาวุธครั้งนี้
แถลงการณ์จากจีนมีขึ้นในช่วงเวลาที่ ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ของไต้หวันเดินทางไป นครนิวยอร์กของสหรัฐฯเพื่อเยี่ยมเยียน 4 ประเทศพันธมิตรในแคริบเบียน ซึ่งเป็นทริปที่ทำให้จีนไม่พอใจ
เกิงฉ่วง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนระบุว่าการขายอาวุธเป็นการละเมิดหลักการ “จีนเดียว” อย่างร้ายแรง “เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ จีนจะมีมาตรการคว่ำบาตรบริษัทในสหรัฐฯที่เกี่ยวข้องกับการขายอาวุธให้ไต้หวันดังที่กล่าวมาข้างต้น” โดยทางเทคนิคแล้ว เนื่องจากสหรัฐฯมีความสัมพันธ์กับไต้หวันอย่างไม่เป็นทางการ
สหรัฐฯจำเป็นต้องมีกฎหมายเพื่อช่วยเหลือไต้หวันในการป้องกันประเทศ ขณะที่จีนระบุว่าไต้หวันเป็นอีกหนึ่งมณฑลของจีน และไม่เคยใช้กองทัพเพื่อควบคุมไต้หวัน
ในระหว่างการเยือนบูดาเปสต์เมื่อวันที่ 12 ก.ค. หวังอี้ รมว.กระทรวงต่างประเทศของจีนเตือนว่า สหรัฐฯ “ไม่ควรเล่นกับไฟ” กับประเด็นไต้หวัน โดยเขาระบุว่า ไม่มีกองทัพต่างชาติใดจะหยุดการรวมเป็นหนึ่งเดียวของจีน และกองทัพต่างชาติไม่ควรพยายามที่จะแทรกแซง
“เราขอให้สหรัฐฯตระหนักถึงแรงดึงดูดของประเด็นไต้หวัน อย่าเล่นกับไฟกับความเสี่ยงเรื่องไต้หวัน” หวังกล่าวในงานแถลงข่าว
ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในนิวยอร์กเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินระบุว่า เป็นเรื่องสำคัญสำหรับประชาคมนานาชาติในการสนับสนุนเสรีภาพและประชาธิปไตยของไต้หวัน
“ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและการเมืองของไต้หวันเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน ไต้หวันเลือกเสรีภาพในการพูด , สิทธิมนุษยชน ,หลักนิติธรรม ซึ่งเป็นวันที่ทำให้เราออกห่างจากอิทธิพลของลัทธิอำนาจนิยม ” .