ชนชั้นกลางจีนกังวลสงครามการค้า
ชนชั้นกลางของจีน โดยเฉพาะผู้มีการศึกษาสูง เริ่มมีความสับสนและอยากรู้มากขึ้นว่าสงครามการค้ากับสหรัฐฯจะกระทบกับชีวิตของพลเมืองธรรมดาแค่ไหน ตรงกันข้ามกับสื่อทางการและโซเชียลมีเดีย ที่เต็มไปด้วยข้อความกระตุ้นให้จีนมีจุดยืนที่แข็งแกร่งในการเผชิญหน้ากับความยากลำบาก
ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า รวมทั้งราคาอาหารที่แพงขึ้น ได้ส่งผลกระทบกับความตั้งใจของผู้บริโภคในการใช้จ่าย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนถดถอยลง
และความกังวลเหล่านี้ยังส่งผลทำให้คนรวยและชนชั้นกลางฐานะดีปกป้องความร่ำรวยของพวกเขาด้วยการซื้อทองคำ หรือเงินสกุลต่างประเทศ และขนเงินไปซุกซ่อนต่างประเทศ
สำหรับชนชั้นกลางในเมืองของจีน ซึ่งได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนที่บูมขึ้นมาในช่วง 2 – 3 ทศวรรษล่าสุด และทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้น ความเป็นศัตรูกันระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ทำให้เกิดความผันผวนอย่างหนักกับอนาคตของพวกเขา ผลักดันให้พวกเขาต้องหาทางพยายามเข้าถึงและรับทราบข้อมูลที่แท้จริงให้มากที่สุด ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลของภาครัฐเพื่อป้องกันความเสี่ยง
“ โปรดบอกเราให้เข้าใจอย่างถูกต้องว่า สงครามการค้าจะส่งผลกระทบกับชีวิตของคนธรรมดาอย่างพวกเราอย่างไร ขอบคุณ ! ” ซูเกิงเฉิง นักเขียนออนไลน์และบล็อกเกอร์ที่มีชื่อเสียงที่มียอดผู้ติดตามกว่า 3 แสนคนบนเว่ยป๋อ โซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ของจีนโพสต์ข้อความ เพียง 4 วันหลังจากสหรัฐฯขึ้นภาษ๊รอบใหม่กับสินค้านำเข้าจากจีน
โพสต์นี้ถือเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับเธอ ซึ่งไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง โดยที่ผ่านมา เธอมักให้คำแนะนำด้านเครื่องสำอางและทิปแต่งหน้า ความกังวลเรื่องสงครามการค้าแพร่กระจายไปในกลุ่มผู้ติดตามของเธออย่างรวดเร็ว มีการตอบคำถาม แลกเปลี่ยนความเห็นมากกว่าหมื่นครั้ง แต่ความเห็นเหล่านั้นถูกบล็อกอย่างรวดเร็ว เพราะเป็น “การละเมิดกฎหมาย” แต่โพสต์ต้นทางยังคงมองเห็นอยู่
“ ช่วงนี้ ผมแชทกับเพื่อนสมัยเรียนและลูกค้าที่อยู่และทำงานในต่างประเทศบ่อยๆ เราคุยกันอย่างระวังมากเพราะกลัวว่าบัญชี WeChat จะถูกบล็อก เพราะเนื้อหาที่เกี่ยวกับข่าวสงครามการค้า แต่ผมอยากรู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้และจะเกิดอะไรต่อไป” ผู้ส่งออกวัย 40 กว่าปีจากกวางโจว ซึ่งไม่อยากเปิดเผยชื่อกล่าว “ ช่วง 2 สัปดาห์นี้ สภาพจิตใจเพื่อนๆรอบตัวผมเปลี่ยนไป เราเคยคิดว่าสงครามการค้าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ตอนนี้ผมเริ่มกลัวว่าเงินหยวนจะอ่อนค่าลงในอนาคตอันใกล้ และสถานการณ์จะยิ่งแย่หากเป็นสงครามเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่การค้ากับเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องการเงินและตลาดเงินด้วย ”
“ ผมอาจต้องเก็บเงินเยน ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือดอลลาร์ออสเตรเลียไว้ที่บ้าน เผื่อกรณีฉุกเฉิน อาจมีปัญหา แต่ตอนนี้ผมต้องระวังถึงความเป็นไปได้เพราะผมห่วงครอบครัวผม ”
“ เงินหยวนร่วงลงเป็น 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ องุ่นครึ่งก.ก.ราคาเพิ่มเป็น 30 หยวน และรองนายกฯ หูชุนฮัวจะเป็นผู้นำกลุ่มในการจับตามองแรงกดดันตลาดงาน มีข่าวมากขึ้นเรื่องผลกระทบของสงครามการค้า และจะเริ่มส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันของเรา ” หยานเจ้า ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ วัย 30 ปีในบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้กล่าว “ งานของผมสำคัญมากสำหรับผม เพราะภรรยาเป็นแม่บ้านและเรามีลูกสาวคนหนึ่ง เพิ่งสองขวบเอง พ่อแม่ผมเป็นหมอเกษียณแล้วและจ่ายค่าผ่อนบ้านให้ผม ภรรยาและผมกำลังจะซื้อรถคันหนึ่งด้วยสินเชื่อรถ แต่อาจจะดีกว่าถ้าเราจะเลื่อนแผนซื้อรถออกไปเป็นปีหน้าเมื่อสภาพเศรษฐกิจนิ่งกว่านี้”
“ ผมได้ยินว่าคนรวยหลายคนไปธนาคารที่ฮ่องกงเพื่อซื้อทองคำแท่งและเก็บไว้ในธนาคารเพื่อความปลอดภัย” หลี่เจิ้นเปียว ตัวแทนบริษัทในกวางโจว ที่ช่วยพลเมืองจีนร่ำรวยในการอพยพและซื้ออสังหาฯในต่างประเทศระบุ “ เป็นทางเลือกทีดี หากคุณไม่ได้มองในแง่ดีเกี่ยวกับ (แนวโน้ม) เศรษฐกิจของประเทศและค่าเงินหยวน แต่เป็นเรื่องที่ใหม่มากและเพิ่งเกิดขึ้น มีคนไม่มากนักที่ซื้อทองคำแท่ง การลงทุนก็ใช้เงินสูง การซื้อและกักตุนเงินดอลลาร์เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับคนธรรมดาทั่วไป ”
ระดับหนี้บุคคลที่พุ่งสูง ยังเป็นอีกปัจจัยความกังวลหากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงมากกว่านี้ อีไล หม่าย ผู้จัดการฝ่ายขายในกวางโจว เป็นเจ้าของแฟลต 2 ห้องที่มีราคาขายในตลาดประมาณ 7 ล้านหยวน และประมาณ 2 ล้านหยวนเป็นเงินสินเชื่อบ้าน
โดยหม่ายในวัย 35 ปี จ่ายเงินเดือนส่วนใหญ่ประมาณ 15,000 หยวนกับสินเชื่อบ้าน ขณะที่ครอบครัวเขาใช้รายได้ของภรรยาเป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน ต้นปีที่แล้ว เขารู้สึกว่างานของเขาเริ่มสะดุดและรายจ่ายสูงกว่ารายได้ เขาจึงกู้เงิน 300,000 หยวนจากธนาคาร โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยสูงกว่า 5% และใช้เงินลงทุนกับบริษัทท่องเที่ยวของเพื่อน
“ ธุรกิจยังไม่มีกำไร ผมภาวนาว่าสงครามการค้าจะจบลงเร็วๆนี้ ” เขากล่าว “ แต่อีกใจหนึ่ง ก็คิดว่านี่มันห่างจากตอนจบแบบแฮปปี้ เอ็นดิ้งมากๆ ”