จีนยังมองแง่ดีเรื่องคุยการค้าสหรัฐฯ แม้ขึ้นภาษี
จีนและสหรัฐฯ ตกลงที่จะยังมีการเจรจาการค้าอีกในกรุงปักกิ่ง รองนายกรัฐมนตรีหลิวเฮ่อระบุขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์สั่งการให้เริ่มกระบวนการขึ้นภาษีกับสินค้าที่เหลือซึ่งนำเข้าจากจีน
โดยรองนายกฯ หลิวยังคงออกความเห็นในแงดีกับการบรรลุข้อตกลง แต่ระบุว่า ยังมี “หลายประเด็นของหลักการ” ที่จีนไม่ยอมจำนน
“ การเจรจาไม่ได้ล้มเหลว” รองนายกฯหลิว ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเจรจาการค้่ากล่าวให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 10 พ.ค. จากรายงานข่าวทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 11 พ.ค.
“ ตรงกันข้าม ผมคิดว่าการพ่ายแพ้เล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ และหลีกเลี่ยงไม่ได้ในระหว่างการเจรจาของสองประเทศ เรายังคงมองในแง่บวกอย่างรอบคอบ ”
ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุบนทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ว่าจีนรู้สึกว่าพวกเขาถูก “กดดันอย่างหนัก” ในการเจรจาล่าสุด ซึ่งอาจต้องรอจนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2563 “ ที่จะเห็นว่าพวกเขาโชคดี และเดโมแครตชนะ ในกรณีนั้นพวกเขาก็จะได้เปรียบสหรัฐฯถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี”
“ ปัญหาเดียวคือพวกเขารู้ว่าเรากำลังจะชนะ” ทรัมป์ระบุบนทวิตเตอร์ “ และข้อตกลงจะแย่กว่านี้สำหรับพวกเขา หากต้องเจรจาในสมัยที่ 2 ของผม ฉลาดกว่านะที่จะตกลงตอนนี้ แต่ก็ถูกเก็บภาษีครั้งใหญ่แล้ว ! ”
สหรัฐฯยกระดับสงครามภาษีกับจีนเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ด้วยการขึ้นภาษีมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับสินค้านำเข้าจากจีน ท่ามกลางการเจรจาการค้ารอบล่าสุด โดยทรัมป์ได้เคยเลื่อนมาตรการภาษีมาก่อนหน้านี้เนื่องจากกำลังมีการเจรจาระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งอยู่
โดยเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ทรัมป์สั่งการให้มีการขึ้นภาษี โดยระบุว่าจีน “ล้มดีล” ด้วยการไม่รักษาสัญญาในข้อผูกพันที่ทำในช่วงหลายเดือนของการเจรจา
แหล่งข่าวกล่าวกับสื่อรอยเตอร์ในสัปดาห์นี้ว่า จีนได้ลบข้อผูกพันในร่างข้อตกลงที่ระบุว่า จะเปลี่ยนกฎหมายในการแก้ไขคำร้องหลักของสหรัฐฯ คือ การขโมยทรัพย์สินทางปัญญา และความลับทางการค้า / การบีบบังคับให้ถ่ายทอดเทคโนโลยี / นโยบายในการแข่งขัน / การเ้าถึงบริการทางการเงิน และการควบคุมค่าเงิน
รองนายกฯหลิวปฏิเสธการกล่าวหาว่าจีนล้มเลิกสัญญา โดยระบุว่า จีนคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีการเปลี่ยนแปลงก่อนทำข้อตกลงสุดท้าย ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นที่แตกต่างกันในการกำหนดข้อความ
“ จีนต้องการให้ข้อตกลงการค้าเป็นตัวเลขที่แท้จริง เนื้อหาต้องมีความสมดุล และแสดงเงื่อนไขที่ประชาชนชาวจีนยอมรับได้และไม่บ่อนทำลายอธิปไตยและศักดิ์ศรีของประเทศ” หนังสือพิมพ์พีเพิลเดลี่ระบุในตอลัมน์เมื่อวันที่ 11 พ.ค.
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความกังวลในประเทศเรื่องภาษีจากสหรัฐฯ รอบล่าสุดจะกดดันเศรษฐกิจมากขึ้น หลิวกล่าวว่าเขามองในแง่ดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจของจีนในระยะยาว โดยเสริมว่าเป็นวงรอบขาขึ้นหลังจากเป็นขาลงในปีที่แล้ว
เขาระบุว่า เขาเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะยังคงมีเสถียรภาพและมีแนวโน้มที่ดี ถึงแม้จะมีแรง กดดันด้านลบ และจีนมีพื้นที่อีกมากในการกำหนดยุทธศาสตร์นโยบายงบประมาณและการเงิน
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากทรัมป์ขู่จะขึ้นภาษี ธนาคารกลางของจีนตัดลดปริมาณเงินทุนสำรองของธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลาง เพื่อปล่อยสินเขื่อมากขึ้นให้กับบริษัทที่มีเงินทุนไม่พอ.