จีนยันเป็นประเทศกำลังพัฒนา
จีนปฏิเสธที่จะยอมยกเลิกการได้รับ ‘การปฏิบัติแบบพิเศษและแตกต่าง’ ที่ประเทศได้รับในฐานะประเทศกำลังพัฒนาจากองค์การการค้าโลก (WTO) ถือเป็นการตำหนิข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้ยกเลิกสิทธิพิเศษกับจีนและประเทศอื่นๆเพื่อไม่ให้ได้เปรียบทางการค้า
จีนถูกจัดให้เป็นประเทศกำลังพัฒนาจากองค์การการค้าโลก ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ทำให้จีนได้รับ ‘การปฏิบัติแบบพิเศษและแตกต่าง’ จึงส่งผลให้จีนสามารถให้เงินอุดหนุนภาคเกษตรกรรมและจัดระเบียบอุปสรรคทางการค้าที่สูงขึ้นเพื่อให้เข้าถึงตลาดได้มากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว
ข้อพิพาทนี้สะท้อนพื้นฐานที่มีความแตกแยกใน WTO ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่ออนาคตของระบบการค้าพหุภาคีทั่วโลก
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เรียกร้องมานานว่ามีประเทศสมาชิก WTO จำนวนมาก ประมาณ 2 ใน 3 ที่แสดงตัวว่าเป็นประเทศกำลังพัฒนาเพื่อให้ได้เปรียบในเงื่อนไขสถานะของประเทศในการทำการค้า
โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ได้ตำหนิทางองค์การว่าประเด็นนี้เป็น ‘ภัยพิบัติ’ และ ‘หายนะ’
อย่างไรก็ตาม หลายประเทศ เช่น จีนและอินเดียยืนยันว่าการปฏิบัติแบบพิเศษเป็นเรื่องสำคัญในระบบการค้าทั่วโลก แม้จะเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก จีนยังคงจัดว่าตัวเองเป็น ‘ ประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก’
“ สถานะของจีนในการปฏิรูป WTO นั้นชัดเจนมาก คือจีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก” เกาเฝิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา
“ เราไม่ถอยออกห่างจากความรับผิดชอบในระดับนานาชาติ และมีเจตนาที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบของ WTO ซึ่งเข้ากันได้กับระดับการพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถของเรา ที่จริงแล้ว เราทำเหมือนกันและจะทำเช่นนี้ต่อไป”
“ ในขณะเดียวกัน เราจะทำงานร่วมกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆเพื่อกระชับสิทธิพื้นฐานของเราส่งเสียงอันธรรมดาของเรา และปกป้องผลประโยชน์ในการพัฒนาของเรา ” เขากล่าว
โดยสหรัฐฯอ้างว่า ระเบียบของ WTO ในปัจจุบันทำให้จีนสามารถให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมของประเทศ สนับสนุนรัฐวิสาหกิจ และเลือกปฏิบัติกับนักลงทุนต่างชาติ เงื่อนไขนี้ช่วยรองรับโครงการต่างๆ เช่น การบีบให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา
จีน อินเดีย แอฟริกาใต้ และเวเนซุเอลาคัดค้านข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่จะให้ปฏิรูป ‘การปฏิบัติแบบพิเศษและแตกต่าง’ โดยทั้ง 4 ประเทศได้ยื่นคำร้องต่อ WTO โดยระบุว่า ทุกประเทศจัดสถานะตัวเองว่าเป็นประเทศกำลังพัฒนา
โดยคำร้องร่วมยังอ้างว่ากฎระเบียบหลายข้อของ WTO เอื้อประโยชน์กับสหรัฐฯ และประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ ทั้งในด้านการสนับสนุนเกษตรกรรม โควต้าสิ่งทอ และการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา.
