ส่งออกจีนชะลอตัว
ยอดส่งออกของจีนชะลอตัวจากสงครามการค้าที่ร้อนระอุขึ้น และมาตรการภาษีรอบใหม่ซึ่งจ่อคิวจะมีผลบังคับใช้ในเร็ววันนี้
ตัวเลขการเติบโตของการส่งออกจีนอ่อนแรงลงต่ำกว่า 10% ในเดือนส.ค. ลดลงจากเดือนก.ค.ที่เติบโตสูงกว่า 12% อ้างอิงจากข้อมูลของรัฐบาลจีนที่เผยแพร่ในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของจีนอย่างเห็นได้ชัดสำหรับปีนี้จนถึงตอนนี้
สถานการณ์ดูจะเลวร้ายลงในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้ เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ตึงเครียดยิ่งขึ้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ว่า เขาเตรียมพร้อมที่จะบังคับใช้มาตรการภาษีรอบใหม่มูลค่า 267,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับสินค้านำเข้าจากจีน
โดยสหรัฐฯตั้งเป้าที่จะดำเนินการมาตรการภาษีที่มีมูลค่าถึง 505,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งเท่ากับมูลค่าสินค้าทั้งหมดที่สหรัฐฯ นำเข้าจากจีนในปีที่แล้ว
ผลกระทบจากเรื่องนี้ทำให้การเติบโตของการส่งออกของจีนอาจร่วงลงมา และยิ่งย่ำแย่ลงในอีกหลายเดือนต่อจากนี้ นักวิเคราะห์ที่ธนาคารเพื่อการลงทุนโนมุระระบุในผลวิจัย นี่เป็นการเพิ่มแรงกดดันกับเศรษฐกิจที่ต้องต่อสู้กับอุปสรรคสำคัญ
ความอ่อนแอในการค้าจีนส่วนใหญ่เกิดจากการเติบโตของการส่งออกที่ชะลอตัวลงกับประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างสหภาพยุโรป และญี่ปุ่น
โดยการส่งออกไปสหรัฐฯ แท้จริงแล้วเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ด้วยแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินหยวนของจีนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และการเร่งจัดส่งสินค้าจากหลายบริษัทให้ทันก่อนเดือนหน้าซึ่งจะมีการบังคับใช้มาตรการภาษีรอบใหม่ อ้างอิงจากนักวิเคราะห์
การที่จีนได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ จำนวนมากเป็นหัวใจของกรณีพิพาทในครั้งนี้ ความจริงที่ว่าตัวเลขยังคงเพิ่มขึ้นทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ Louis Kuijs หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจเอเชียที่บริษัทวิจัย Oxford Economics ระบุในเอกสารถึงลูกค้าเมื่อวันที่ 10 ก.ย.
ความกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปสะท้อนให้เห็นในตลาดหุ้นของจีนที่ปรับลดลงเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา
ตัวเลขส่งออกที่ชะลอตัวลงอาจกดดันให้จีนหาหนทางใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ อ้างอิงจากธนาคารโนมุระ
โดยทางการจีนได้มีการลดภาษี ใช้จ่ายงบประมาณในโครงสร้างพื้นฐาน และผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพื่อหนุนการเติบโต
ข้อมูลในสัปดาห์ที่แล้วชี้ว่า คำสั่งซื้อลดฮวบลงในโรงงานหลายแห่งในจีน และยังได้รับผลกระทบจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่อ่อนแรงลง “ ยอดส่งออกที่ลดลงชี้ว่า อาจต้องใช้เวลานานขึ้นกว่าจีนจะฟื้นตัว ” นักวิเคราะห์ที่ธนาคารโนมุระกล่าว
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นของจีน และค่าเงินหยวนดิ่งร่วงลงมาในช่วงหลายเดือนนี้เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ
แต่นักวิเคราะห์หลายคนระบุว่า พวกเขาสงสัยว่าทางการจีนลดค่าเงินหยวนลงต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยกระตุ้นการส่งออก ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนยุ่งเหยิงในตลาดเงิน และทำให้เงินทุนไหลออกจากประเทศได้.