“แจ็ค หม่า”ดอดพบ”มหาเธร์”
แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีนเข้าพบนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดของมาเลเซียที่ทำเนียบนายกฯ ในปุตราจายาเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.
โดยทางทำเนียบนายกฯได้อัพโหลดภาพวีดีโอการประชุมของทั้งสองคนขึ้นเพจทวิตเตอร์ทางการเมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 มิ.ย. เป็นภาพมหาเศรษฐีจีนผู้ทรงอิทธิพลจับมือทักทายกับผู้นำมาเลเซีย ก่อนที่จะแนะนำตัวเขากับผู้แทนคนอื่นๆ
แจ็ค หม่า มหาเศรษฐีที่ได้รับการยอมรับในความสามารถกล่าวว่า เขาต้องการเข้าพบนายกฯมหาเธร์ตั้งแต่ดร.มหาเธร์ชนะการเลือกตั้ง โค่นรัฐบาลจากพรรคอัมโนได้ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด และกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของมาเลเซียได้ในวัย 92 ปี
โดยหลังการประชุม หม่ากล่าวว่า เขารู้สึกประหลาดใจมากกับความรอบรู้เรื่องเทคโนโลยีของนายกฯมหาเธร์ที่มีมากกว่าคนในวัยเดียวกัน
หม่าระบุว่า ในระหว่างการประชุมที่กินเวลานานถึงหนึ่งชั่วโมง ทั้งสองคนได้แชร์ความคิดเห็นมากมายและยังได้พูดคุยกันถึงการยกระดับและพัฒนามาเลเซียให้พ้นจากความยากจน พร้อมทั้งให้การสนับสนุนคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่และธุรกิจขนาดเล็ก
“เป็นการประชุมที่ดีมาก” หม่ากล่าวชม เขาเดินทางมาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในโอกาสเปิดสำนักงานของบริษัทอาลีบาบาในเมือง Bangsar ทางใต้ของมาเลเซีย
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า หม่าได้พบปะพูดคุยกับลิมกวนเอ็ง รมว.ว่าการกระทรวงการคลังของมาเลเซียด้วย โดยทั้งสองคนได้รับประทานอาหารค่ำร่วมกันอย่างไม่เป็นทางการเมื่อคืนวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา
อ้างอิงจากการรายงานของสื่อ หม่าต้องการพบกับนายกฯมหาเธร์มาก่อนหน้านี้แล้วเมื่อช่วงต้นเดือนมิ.ย. แต่การประชุมต้องเลื่อนให้ล่าช้าออกไป เพราะดร.มหาเธร์ต้องการให้เวลากับการคัดสรรคนและจัดตั้งรัฐบาลใหม่จากพรรค Pakatan Harapan ให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลพรรคแนวร่วมแห่งชาติ (BN) ของอดีตนายกฯนาจิบ ราซัคได้แต่งตั้ง แจ็ค หม่า ให้เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล
การประชุมของหม่ากับนายกฯมหาเธร์มีขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลใหม่ให้คำมั่นกับประชาชนที่จะพิจารณาทบทวนหลายโครงการของรัฐบาลพรรค BN ที่จีนให้การสนับสนุน เนื่องจากนายกฯมหาเธร์ดูมีแนวโน้มจะต้องการให้มีความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างมาเลเซียกับญี่ปุ่นให้มากขึ้น เหมือนย้อนกลับไปสู่เมื่อสมัย 30 กว่าปีก่อนที่เขาเป็นนายกฯสมัยแรกที่เขามีความชื่นชมในญี่ปุ่น และมองญี่ปุ่นเป็นต้นแบบในการพัฒนาประเทศ
ในปี 2560 หม่าอยู่ในกัวลาลัมเปอร์เพื่อเปิดตัวเขตการค้าเสรีดิจิทัล (DFTZ) แห่งแรกของโลก ที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ด้วยการจัดให้มีแพลตฟอร์มที่ทันสมัยสำหรับ SMEs และผู้ประกอบการในการทำธุรกิจและบริการ
ทั้งนี้ มีรายงานมาก่อนหน้านี้ว่า นายกฯมหาเธร์ระบุว่า โครงการ DFTZ จะเดินหน้าต่อไป ไม่มีการพิจารณาทบทวนใหม่.