‘สี’ เรียกร้องธรรมาภิบาลเท่าเทียมกันทั่วโลก
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนระบุว่า ระบบธรรมาภิบาลทั่วโลกควรเป็นไปอย่างเสมอภาคและยุติธรรม และกฎที่ประเทศหนึ่ง หรือบางประเทศกำหนดขึ้นนั้น ไม่สามารถใช้ได้กับประเทศอื่นๆ
การตั้งกำแพงกีดกันและแยกเศรษฐกิจออกจากจีนจะเป็นการทำร้ายผู้อื่นและไม่ให้ประโยชน์กับผู้ใด ประธานาธิบดีสีระบุในการกล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุมประจำปีฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าว (ฺ Boao Forum for Asia ) ที่จีนจัดขึ้นเพื่อเป็นเหมือนการโต้ตอบการประชุมที่เมืองดาวอส
จีนเรียกร้องมานานให้มีการปฏิรูปธรรมาภิบาลจากมุมมองและคุณค่าที่หลายชาติสะท้อนออกมา รวมถึงสิ่งประเทศนั้นเป็นเจ้าของ แทนที่จะเป็นจากไม่กี่ชาติมหาอำนาจ
จีนมีการโต้ตอบซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับประเทศมหาอำนาจในการปกครองโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ในหลายประเด็นตั้งแต่ประเด็นสิทธิมนุษยชนไปจนถึงอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนที่มีกับหลายประเทศ
“ โลกต้องการความยุติธรรม ไม่ใช่การใช้อำนาจครอบงำ” ประธานาธิบดีสีกล่าว
“ ประเทศใหญ่ควรดูเป็นประเทศใหญ่ ด้วยการแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบที่สำคัญ” เขาระบุ โดยไม่ได้ระบุชื่อประเทศใด
เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจัดการประชุมตัวต่อตัวครั้งแรกในทำเนียบขาว ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งกับนายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ สึงะแห่งญี่ปุ่น โดยมีการพูดคุยกันเรื่องจีนเป็นประเด็นสำคัญ
ในแถลงการณ์ร่วมของผู้นำทั้งสองประเทศระบุว่า พวกเขามีความกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในฮ่องกงและเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งสหรัฐฯระบุว่าจีนมีการกระทำที่เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมอุยกูร์ แต่จีนปฏิเสธว่าไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชน
ในประเด็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯกับญี่ปุ่นที่ไม่รวมจีน ประธานาธิบดีไบเดนระบุว่าสหรัฐฯและญี่ปุ่นจะลงทุนร่วมกันในหลายภาคส่วน เช่น เทคโนโลยี 5G , ปัญญาประดิษฐ์, คอมพิวเตอร์ควอนตัม , ซัพพลายเชนชีวภาพจีโนมิกส์และเซมิคอนดักเตอร์