จีนสั่งปรับอาลีบาบาผูกขาดการค้า 8.6 หมื่นลบ.
เซี่ยงไฮ้ : หน่วยงานที่กำกับดูแลของจีนสั่งปรับบริษัทอาลีบาบา อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนด้วยจำนวนสูงถึง 18,000 ล้านหยวน หรือราว 86,415 ล้านบาทในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ทำให้เป็นตัวเลขค่าปรับที่สูงที่สุดจากกฎหมายต่อต้านการผูกขาดในจีน
โดยค่าปรับจำนวนนี้ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 4% ของรายได้อาลีบาบาในปี 2562 มีขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลจีนเดินหน้าคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบกับราคาหุ้นของหลายบริษัท
แจ็ค หม่า มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้งอาณาจักรธุรกิจถูกรัฐบาลจีนเพ่งเล็งเป็นพิเศษ หลังเขากล่าววิจารณ์ระบบการกำกับดูลสถาบันการเงินของจีนช่วงปลายเดือนต.ค.ปีที่แล้ว
ปลายเดือนธ.ค. 2563 องค์กรบริหารจัดการระเบียบการตลาด (SAMR) ของจีนประกาศสอบสวนบริษัทในกรณีละเมิดกฎหมายป้องกันการผูกขาด หลังจากสั่งระงับแผนการขายหุ้น IPO ของบริษัทแอนต์กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทการเงินทางอินเทอร์เน็ตในเครือของอาลีบาบา
โดยเมื่อวันที่ 10 เม.ย. SAMR ระบุว่า หลังจากดำเนินการสอบวนตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ได้ตัดสินว่าบริษัทอาลีบาบาละเมิดฎหมายต่อต้านการผูกขาดตั้งแต่ปี 2558 ด้วยการไม่ให้ผู้ค้ามีทางเลือกที่จะใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซออนไลน์อื่น
บริษัททำผิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของจีนด้วยการขัดขวางกระแสการไหลเวียนของสินค้าและละเมิดผลประโยชน์ทางธุรกิจของผู้ค้า ทาง SAMR สั่งให้อาลีบาบาแก้ไขเพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายและปกป้องสิทธิของผู้บริโภค
อาลีบาบาแถลงบนบัญชีทางการบนเว่ยป๋อว่า ยอมรับคำตัดสินและจะปฏิบัติตามกฎระเบียบของ SAMR โดยบริษัทจะทำงานเพื่อปรับปรุงระเบียบปฏิบัติของบริษัท ยักษ์ใหญ่อิคอมเมิร์ซรายนี้ระบุว่า จะมีการเรียกประชุมทางโทรศัพท์ในวันที่ 12 เม.ย.เพื่อพูดคุยเรื่องค่าปรับ
ที่ผ่านมา อาลีบาบาถูกกดดันจากคู่แข่งและผู้ค้าด้วยการกล่าวหาว่าบริษัทห้ามไม่ให้ผู้ค้าไปขายสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอื่น การห้ามไม่ให้ผู้ค้าใช้แพลตฟอร์มของคู่แข่งเป็นจุดยืนของบริษัทมานาน แต่หน่วยงานที่กำกับดูแลระบุในเดือนก.พ.ว่า เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
“ ค่าปรับตามกฎหมายนี้เป็นหลักชัยที่มีความสำคัญมาก” ฉีเจี้ยนจง สมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาการต่อต้านการผูกขาดของสภารัฐกิจของจีน และอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยไชน่าด้านรัฐศาสตร์และกฎหมายระบุในคอลัมน์ในสื่อ Economic Times ของรัฐ
“ เรื่องนี้บ่งชี้ว่า การบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดได้เข้าสู่ยุคใหม่แล้ว และส่งสัญญาณนโยบายที่ชัดเจน”