รัฐบาล เผย 4 ปี EEC อนุมัติการลงทุนแล้วกว่า 1.6 ล้านล้าน
“บิ๊กตู่” เร่งเดินหน้าเศรษฐกิจ BCG เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้ประเทศและประชาชน 4 ปี EEC อนุมัติการลงทุนแล้วกว่า 1.6 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 94 ของเป้าหมายมูลค่าการลงทุน 1.7 ล้านล้านบาท
วันที่ 17 พ.ย. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการสร้างความมั่นคง ก้าวหน้า ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วางรากฐานเพื่อการเจริญเติบโตอย่างยั่นยืน รวมทั้งส่งเสริมภาคการผลิตและบริการให้มีความแข็งแรง ภายใต้นโยบาย เศรษฐกิจ BCG ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างช่องทางสร้างรายได้ใหม่ๆ ให้กับประชาชนและประเทศ
ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนของ BOI ตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2564 จำนวน 1,271 โครงการ วงเงินรวม 520,053.8 ล้านบาท ขณะที่ ตั้งแต่ 2561 – 2564 โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีการอนุมัติการลงทุนแล้ว ตั้งแต่ 2561 – 2564 ประมาณ 1,605,465 ล้านบาท หรือ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น ร้อยละ 94 ของเป้าหมายมูลค่าการลงทุน (ปื 2561-2565 ) จำนวน 1.7 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย รัฐ-เอกชนร่วมลงทุน 4 โครงการโครงสร้างพื้นฐานหลัก จำนวน 633,635 ล้านบาท ออกบัตรส่งเสริมการลงทุน โดย BOI จำนวน 889,840 ล้านบาท และงบบูรณาการ จำนวน 82,000 ล้านบาท
นายธนกร กล่าวว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมตาม BCG Model ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และ เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ซึ่ง BCG เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมให้เกิดความสมดุล มั่นคงและยั่งยืน และลดก๊าซเรือนกระจก สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล วิสัยทัศน์และถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีในที่ประชุม COP 26 เน้นการเติบโตอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดก๊าซเรือนกระจก
นายกรัฐมนตรี ยังให้ความสำคัญในการยกระดับฐานรายได้ของประชาชนรายครัวเรือน โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาหาข้อมูล เพื่อนำมาสู่การแก้ไขปัญหาผ่านคณะต่าง ๆ ในการทำงาน ควบคู่กับการหารายได้ของประเทศเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะการใช้ศักยภาพของประเทศในเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ นำมาวิจัยให้เกิดมูลค่าสูงสุด เร่งพัฒนายกระดับภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และภาคบริการของประเทศไปสู่การใช้เทคโนโลยีและวิจัยนวัตกรรมในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ได้ ที่สำคัญ คือคนไทยทุกระดับสามารถเข้าถึงบริการพื้นฐาน ระบบสวัสดิการ และกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน