ถอดแนวคิด อีสเทิร์นซีบอร์ด ต่อยอด “อีอีซี”
อีอีซี เปิดเวทีเสวนา ถอดแนวคิด อีสเทิร์นซีบอร์ด ต่อยอดสู่ความสำเร็จ อีอีซี กับการเป็นเขตพัฒนาพิเศษระดับโลก พร้อมปรับแผนเพิ่มการลงทุน 6 แสนล้านต่อปี ดัน GDP ให้โตขึ้น 5 %
เมื่อ 23 ก.ค.2564 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี ได้จัดเสวนาวิชาการ “จาก ESB สู่ EEC กับการเป็นเขตพัฒนาพิเศษระดับโลก” ในรูปแบบออนไลน์ (VDO conference) นำโดย ดร. เสนาะ อูนากูล ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สกพอ. ดร. อาณัติ อาภาภิรม ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สกพอ. ดร. ณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานมูลนิธิเสนาะอูนากูล และ ดร. คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการอีอีซี
โดยมีกลุ่มผู้บริหารระดับสูงจากภาคเอกชน นักธุรกิจชั้นนำในเมืองไทย อาทิ นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธาน คณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BDMS นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการ บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมรับฟัง การเสวนามากกว่า 70 คน
ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการอีอีซี กล่าวว่า แนวคิดของการพัฒนาโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลตะวันออก หรือ “อีสเทิร์นซีบอร์ด” (ESB) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2525 – 2529) เป็นช่วงการพัฒนาประเทศที่สำคัญของไทย ที่ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในสมัยนั้น และได้ผลักดันให้เกิดการลงทุนครั้งใหญ่ของภาคเอกชน ช่วยให้เศรษฐกิจไทยในช่วงกว่า 30 ปีก่อนเติบโตแบบก้าวกระโดด
และมีความต่อเนื่องมายังแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 6 และฉบับที่ 7 ที่ช่วยให้ GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ) เติบโตเฉลี่ยสูงถึง 9.3% ซึ่งแนวคิด จากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 5 ดังกล่าว จะเป็นต้นแบบสำคัญเพื่อเตรียมการจัดทำแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ซึ่งพบผลกระทบจากสถานการณ์โควิดและเกิดวิกฤตเศรษฐกิจใกล้เคียงกับในอดีต
นอกจากนี้ การพัฒนาพื้นที่ อีอีซี ในปัจจุบัน ยังได้นำแนวคิด และต่อยอดเพิ่มสิ่งที่ได้รับจากอีสเทิร์นซีบอร์ด ที่สำคัญ ๆ เช่น แนวคิดให้เกิดการพัฒนาต่อเนื่อง ด้วยการมี พ.ร.บ. และสำนักงานอีอีซี การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ สนามบินอู่ตะเภา ขยายท่าเรือมาบตาพุด และแหลมฉบัง รถไฟความเร็วสูง
ซึ่งลดการพึ่งพางบประมาณรัฐและเงินกู้ ด้วยสัญญา PPP ที่โปร่งใส รัดกุม และรัฐได้ประโยชน์สูงสุด การส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ที่ไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น 5G ระบบโซลาร์เซลล์ ยานยนต์ไฟฟ้า และการสร้างงานให้เยาวชนในพื้นที่มีรายได้ดี รวมทั้ง ทำงานกับท้องถิ่น กลุ่มสตรี เยาวชน เพื่อให้โครงการอีอีซีอยู่คู่กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน
พร้อมกันนี้ อีอีซี เตรียมปรับแผนทำงานให้หนักเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เพื่อเร่งลดผลกระทบจากสถานการณ์โควิด โดยจำเป็นต้องเพิ่มการลงทุนสูงถึงปีละ 6 แสนล้านต่อปี จากเดิมที่เป้าหมายการลงทุน 3 แสนล้านบาท ซึ่งหากทำได้สำเร็จจะสามารถปรับ GDP ให้โตขึ้น 5% ภายหลังสถานการณ์โควิด และจะเป็นส่วนสำคัญให้ไทยก้าวสู่ประเทศที่พัฒนาได้ในปี 2572
ทั้งนี้ การเสวนาดังกล่าว ภาคเอกชน และนักธุรกิจชั้นนำ ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นตรงกันว่า มีความจำเป็นต้องร่วมขับเคลื่อนอีอีซี ให้เกิดการลงทุนต่อเนื่อง ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ๆ และการลงทุนในอุตสาหกรรมนวัตกรรมขั้นสูง ที่ อีอีซี พร้อมดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตในระยะยาว
อย่างไรก็ดี การสรุปข้อมูล และการถอดบทเรียนที่ได้รับจากการเสวนาฯ ในครั้งนี้ สกพอ. จะได้นำข้อมูล ชุดความรู้ที่ได้รับประกอบการจัดตั้ง ศูนย์การเรียนรู้ /พิพิธภัณฑ์เขตพัฒนาพิเศษชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกประเทศไทย (EEC Learning Center /EEC Museum) และมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งจะเป็นศูนย์การเรียนรู้สำคัญ ของการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก และพร้อมจะเป็นแหล่งเรียนรู้ของนักลงทุนรุ่นใหม่ และผู้ที่สนใจได้ศึกษาถึงความเป็นมาของ อีสเทิร์นซีบอร์ด และการพัฒนาอีอีซี ที่จะเป็นต้นแบบของการพัฒนาประเทศ ต่อไป