ข่าวเด่น เย็นนี้ 29 มี.ค.2567
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ จักรภพ เพ็ญแข เดินทางกลับเมืองไทยครั้งแรกในรอบ 15 ปี ภายหลังจากที่ทักษิณ ชินวัตร ได้รับการพักโทษและลุยการเมืองเต็มรูปแบบ
เรื่องที่ 4,214 ในอดีตจักรภพ เพ็ญแข ได้รับความไว้วางใจจากทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างยิ่ง เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช
จุดเด่นของจักรภพ เพ็ญแข คือศิลปะการสื่อสาร เขาเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ที่สามารถโน้มน้าวผู้ชมได้เป็นอย่างดี และมีบทบาทสำคัญในทิศทางการสื่อสารของรัฐบาลพรรคพลังประชาชนในยุคนั้น
การกลับมาเมืองไทยของจักรภพ เพ็ญแข ครั้งนี้ ถูกมองว่าจะกลับมาช่วยงานผู้เป็นนายคือทักษิณ ชินวัตร
โดยเฉพาะงานด้านการสื่อสาร ส่งเสริมสนับสนุนรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน โดยเฉพาะในด้านการประชาสัมพันธ์ ที่พรรคเพื่อไทยยังเป็นรองคู่แข่งอย่างพรรคก้าวไกลอยู่หลายเท่าตัว
แน่นอนเป้าหมายคือการยึดเหนี่ยวกลุ่มคนเสื้อแดง ที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยให้ยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยต่อไป
เพราะจักรภพ เพ็ญแข ก็มีฐานแฟนขับที่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่มากพอสมควร
เรื่องที่ 4,215 น่าจะถือว่าเป็นข่าวร้ายได้เลยทีเดียว เมื่อกระทรวงพลังงานโดยคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือกบน. เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ประเภทน้ำมันดีเซลเพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศเกิน 30 บาทต่อลิตรได้ตั้งแต่ เม.ย. 67 เป็นต้นไป
ซึ่งนั่นหมายความว่าตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. เป็นต้นไป ราคาขายน้ำมันดีเซลในประเทศจะไม่ถูกตรึงไว้ที่ 30 บาทต่อลิตรอีก แต่เท่าที่พูดคุยกับผู้บริหารกระทรวง การปรับขึ้นก็ต้องมีเงื่อนไขพอสมควร
โดย กบน. จะพิจารณาถึงข้อมูลต่างๆ ตามความเหมาะสมของช่วงเวลา เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนและการบริหารจัดการของผู้ค้าน้ำมันมากจนเกินไป
แถมทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า ช่วง 31 มี.ค. – 1 เม.ย. 67 จะยังไม่มีการดำเนินการอย่างแน่นอน ก็แหมระยะเวลาช่วงเปลี่ยนผ่านนโยบายแค่ 1 วันเองนี่ขอรับ ถ้าปรับขึ้นเลยก็จะดูใจร้ายไปไหมล่ะขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 4,216 ยืนยัน นอนยันไม่มีเลื่อนแล้ว จะเลือกกู้หรือไม่นั้น ยังไงก็มั่นใจมีเงินแน่นอน ซึ่งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ยืนยันว่า กระทรวงการคลังมีความชัดเจนถึงแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว โดยจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet ชุดใหญ่ ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธาน ในวันที่ 10 เม.ย.67 เป็นผู้ตัดสินใจในรายละเอียด แต่มั่นใจว่าสุดท้ายแล้วจะมีคำตอบเป็นที่น่าพอใจของทุกฝ่าย “โดยกระทรวงการคลังไม่ได้ติดขัด และยินดีหากมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดแหล่งเงินจากเดิมที่วางแนวทางไว้ ตอนนี้ต้องให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อฟื้นฟูให้กลับไปขยายตัวได้เต็มศักยภาพ” รมช.คลัง กล่าว เห็นแบบนี้พอจะวางใจกันได้หน่อย ท่านรมช.คลังออกมายืนยันขนาดนี้แล้ว
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 4,217 สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) ของเวียดนามเปิดเผยในวันนี้ (29 มี.ค.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 3.77% ในไตรมาส 1/2567 เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนในเดือนมี.ค. ดัชนี CPI ลดลง 0.23% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน แต่ปรับตัวขึ้น 3.97% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในช่วงไตรมาส 1 นั้น หมวดสินค้าหลายรายการปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งรวมถึงค่าการศึกษาที่พุ่งขึ้น 9.02%, ค่าบริการด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพ เพิ่มขึ้น 6.51% ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยและวัสดุก่อสร้าง เพิ่มขึ้น 5.4%
การปรับตัวขึ้นของดัชนี CPI ในไตรมาส 1 มาจากหลากหลายปัจจัย เช่น การพุ่งขึ้นของค่าการศึกษา รวมทั้งราคาข้าวและค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เหงียน ถิ เหื่อง ผู้อำนวยการ GSO กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1 และหลังจากวันหยุดในเทศกาลตรุษจีนนั้น ทางการเวียดนามได้นำมาตรการต่าง ๆ มาใช้เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ, รักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค, ควบคุมเงินเฟ้อ และสร้างความเชื่อมั่นว่าเวียดนามจะไม่เผชิญปัญหาขาดแคลนสินค้าโภคภัณฑ์
เรื่องที่ 4,218 นายชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (29 มี.ค.) ว่า ญี่ปุ่นไม่ได้กำหนดระดับของเงินเยนอย่างเจาะจงว่าเงินเยนจะต้องอ่อนค่าลงสู่ระดับใดจึงจะเข้าแทรกแซงตลาด ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะเข้าแทรกแซงตลาดหากเงินเยนร่วงลงหลุดจากระดับ 152 เยนต่อดอลลาร์
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การแสดงความเห็นของนายซูซูกิมีขึ้น หลังจากเงินเยนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปีที่ระดับ 151.97 เยนต่อดอลลาร์ในตลาดโตเกียวเมื่อวันพุธ (27 มี.ค.) ส่วนสถิติก่อนหน้านี้นั้น เงินเยนเคยดิ่งลงแตะ 151.94 เยนต่อดอลลาร์ในเดือนต.ค. 2565 ก่อนรัฐบาลญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาดด้วยการทุ่มซื้อเงินเยนเพื่อแลกกับดอลลาร์สหรัฐ
เรื่องที่ 4,219 ไชน่า ว่านเคอ (China Vanke) บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีนเมื่อพิจารณาจากยอดขาย เปิดเผยในวันนี้ (29 มี.ค.) ว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มกระแสเงินสดด้วยการลดหนี้ และเพิ่มรายได้จากธุรกิจอื่นนอกเหนือจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากแรงกดดันด้านอัตรากำไรจะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2567-2568 ท่ามกลางการปรับฐานของตลาด
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (28 มี.ค.) บริษัทไชน่า ว่านเคอ รายงานว่ากำไรหลักปี 2566 ปรับตัวลดลง 50.6% แตะ 9.8 พันล้านหยวน (1.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งกำไรหลักดังกล่าวนั้นไม่รวมผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและการเปลี่ยนแปลงไปของมูลค่าสินทรัพย์และเครื่องมือทางการเงิน “บริษัทจำเป็นต้องทำตัวให้เหมือนอยู่ในโหมดวิกฤต” นายอวี้ เลี่ยง ประธานว่านเคอแถลงต่อสื่อมวลชนในวันนี้
เรื่องที่ 4,220 กลุ่มผู้ให้บริการรถยนต์ในสิงคโปร์ยืนยันว่าไม่มีความล่าช้าในการนำเข้ารถยนต์หรือชิ้นส่วนรถยนต์จากสหรัฐมายังสิงคโปร์ แม้ว่าท่าเรือบัลติมอร์ในรัฐแมริแลนด์ ซึ่งเป็นท่าเรือขนส่งรถยนต์ที่คับคั่งที่สุดในสหรัฐ จะถูกปิดใช้งานอย่างไม่มีกำหนดหลังเกิดเหตุสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ บริดจ์ (Francis Scott Key Bridge) พังถล่มเมื่อวันอังคารที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา
ผู้สังเกตการณ์ตลาดกล่าวว่า แม้ว่าบรรดาบริษัทขนส่งจะเปลี่ยนเส้นทางสินค้าของตนไปยังท่าเรืออื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงเนื่องจากการปิดท่าเรือบัลติมอร์ แต่การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐไปยังสิงคโปร์และราคาของสินค้าดังกล่าวจะได้รับผลกระทบโดยรวมเพียงเล็กน้อย
เรื่องที่ 4,221 กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมาระบุในวันนี้ (29 มี.ค.) ว่า เมียนมามีรายได้ 695.023 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกสินค้าประมงในช่วงกว่า 11 เดือนของปีงบประมาณ 2566-2567 ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมี.ค.นี้ กระทรวงฯ ระบุว่า รายได้จากการส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงระหว่างวันที่ 1 เม.ย. 2566 – 22 มี.ค. 2567 ลดลงเมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้าที่มีรายได้ 736.675 ล้านดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานการเปิดเผยของกระทรวงฯ ว่า ในปีงบประมาณ 2566-2567 มูลค่าการส่งออกทั้งหมดของเมียนมาอยู่ที่ระดับมากกว่า 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ กระทรวงฯ ระบุว่า โดยส่วนใหญ่แล้ว เมียนมาจะส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตร, สัตว์และประมง, แร่ธาตุ, ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ และสินค้าอุตสาหกรรมไปยังคู่ค้าต่างประเทศซึ่งรวมถึงจีน, ไทย, บังกลาเทศ และอินเดีย
เรื่องที่ 4,222 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสิงคโปร์ (ICA) ระบุในวันนี้ (29 มี.ค.) ว่า นักเดินทางกว่าครึ่งล้านคนได้เดินทางข้ามพรมแดนสิงคโปร์-มาเลเซียในวันพฤหัสบดี (28 มี.ค.) ก่อนถึงช่วงหยุดยาวเนื่องในวัน Good Friday ทั้งนี้ ICA ระบุว่า นักเดินทาง 510,000 รายได้เดินทางผ่านด่านตรวจวู้ดแลนด์ส (Woodlands) และทูอัส (Tuas) เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ICA ระบุว่า มีนักเดินทางต่อแถวข้ามพรมแดนตลอดทั้งวันจากฝั่งมาเลเซียที่ด่านตรวจวู้ดแลนด์ส นอกจากนี้การจราจรยังติดขัดบริเวณสะพานเชื่อมมาเลเซีย-สิงคโปร์อย่าง Second Link จากฝั่งมาเลเซียที่มุ่งสู่ด่านตรวจทูอัส โดยรายงานระบุว่า นักเดินทางอาจประสบปัญหาเดินทางล่าช้าประมาณ 3 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น
โดยนพวัชร์