ข่าวเด่น เย็นนี้ 26 ม.ค.2567
คัมแบ็คไม่ทันไร “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กางแผนการทำงานพรรคก้าวไกลปี 2567
เรื่องที่ 3,716 โดยวาระที่มีความสำคัญ 6 ได้แก่
1. การทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ : ประกอบด้วยวาระการปฏิรูปกองทัพ การเสนอร่างกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ รวมถึงการจัดทำประชามติรัฐธรรมนูญใหม่
2. การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน : ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบขนส่งมวลชน สวัสดิการ สิ่งแวดล้อม และสาธารณสุข
3. การ “หยุดแช่แข็งชนบทไทย”: ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการลดต้นทุนภาคการเกษตร การเพิ่มเครื่องจักรในการผลิต การเพิ่มแหล่งน้ำ การแปลงที่ดิน ส.ป.ก. เป็นโฉนด และการแก้ไขปัญหาหนี้สิน
4. การปฏิรูปรัฐครั้งใหญ่ : ดังที่พรรคก้าวไกลได้มีการอภิปรายงบประมาณ 2567 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ ที่ได้อภิปรายปิดเกี่ยวกับระบบราชการในการจัดงบประมาณ
5. การเรียนรู้ทันโลก : การพัฒนาทรัพยากรบุคลากร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย
6. การเติบโตแบบมีคุณภาพ : การสร้างงานดี การลงทุนในท้องถิ่น การสนับสนุนเอสเอ็มอี การท่องเที่ยวคุณภาพ การทำอุตสาหกรรมใหม่ และเศรษฐกิจสร้างสรรค์
เรื่องที่ 3,717 เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการคัดสรรผู้ที่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ซีอีโอ (CEO) คนที่ 11 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ผลที่ออกมาไม่ได้พลิกโผแต่อย่างใด เมื่อผู้ที่ได้ตำแหน่งคือ ดร.เอ้ “คงกระพัน อินทรแจ้ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือGC
ชื่อของ ดร.เอ้ นอนมาตั้งแต่ยังไม่เปิดรับสมัครบุคคลเข้ามารับคัดสรร เพราะตามสายข่าวบอกมาว่ามีความสนิทสนมกันดีกับบริษัทเอกชนรายใหญ่ของประเทศไทยทางด้านไฟฟ้า คงไม่ต้องบอกนะว่าบริษัทอะไร
สำหรับดร.เอ้ นั้น จะเริ่มปฏิบัติงานบริหารการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. 2567 เป็นต้นไป โดยกระบวนการสรรหาฯ จะเสร็จสมบูรณ์ เมื่อดร.เอ้ดำเนินการเจรจาค่าตอบแทนและข้อสัญญาจ้างกับคณะอนุกรรมการพิจารณาผลตอบแทนฯ
หลังจากนั้น จะได้นำผลการเจรจาดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการ ปตท. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบและลงนามสัญญาจ้าง และจะมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการต่อไป
เรื่องที่ 3,718 กระทรวงพลังงาน มั่นใจบริหารราคาเบนซินได้ไม่กระทบประชาชน หลังจบมาตรการลดภาษี สำหรับมาตรการช่วยกลุ่มเบนซินที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ม.ค.นี้ เป็นไปตามมติ ครม.ที่กระทรวงพลังงานเสนอ ในการลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ใช้น้ำมันเบนซินในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา โดยหลังจากสิ้นสุดมาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.นี้ กระทรวงพลังงานจะใช้กลไกของกองทุนฯ น้ำมันเข้ามาบริหารจัดการเรื่องราคาน้ำมัน เพื่อไม่ให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมัน ตรวจสอบให้มีน้ำมันพร้อมจำหน่ายเต็มที่ ก็หวังว่ามาตรการที่จะมารองรับดังกล่าวจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวเบนซินให้เติมน้ำมันไม่แพงหูฉี่ไปมากกว่านี้นะขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 3,719 ร่วมด้วยช่วยกัน ผลักดันเอสเอ็มอีไทย ซึ่งในวันนี้(26 ม.ค.) นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank พร้อมคณะผู้บริหารธนาคาร เข้าพบนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และคณะผู้บริหาร เพื่อหารือสานต่อความร่วมมือระหว่าง SME D Bank กับ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงบริการ “เติมทุนคู่พัฒนา” ผลักดันเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ก็หวังเล็กๆว่า การหารือในครั้งนี้จะมีอะไรดีๆออกมาให้เอสเอ็มอีทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ ได้ยิ้มกันบ้างนะครับ
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 3,720 บริษัทโนมูระคาดการณ์ในวันนี้ (26 ม.ค.) ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยลง 1.00% ในปี 2567 พร้อมกับชะลอการปรับลดขนาดงบดุลในเดือนมิ.ย. ตามมาด้วยการยุตินโยบายดึงเงินออกจากระบบ (Quantitative Tightening: QT) ในเดือนธ.ค.
“เราคาดว่าการเปิดเผยรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันนี้ จะแสดงให้เห็นว่า อัตรา PCE พื้นฐาน (Core PCE) ระยะ 3 เดือนและ 6 เดือนแบบที่ปรับค่าเป็นรายปีนั้น จะอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2.0% ของเฟด” นักวิเคราะห์ของโนมูระระบุในบันทึก
เรื่องที่ 3,721 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตแห่งสำคัญ จะเร่งการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลในปี 2567 โดยวางแผนเพิ่มสถานีฐาน 5G เป็น 280,000 แห่ง และอัปเกรดเครือข่าย 5G ในโรงพยาบาล 50 แห่ง และตามทางด่วนระยะทาง 500 กิโลเมตร
แผนปฏิบัติการของเจียงซูระบุการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ในด้านต่าง ๆ ทั้งการศึกษา การท่องเที่ยว การดูแลสุขภาพ และพลังงาน ส่วนจำนวนโครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ที่ลงนามภายในสิ้นปี 2567 จะสูงเกิน 10,000 โครงการ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นโครงการอินเทอร์เน็ตอุตสาหกรรมพลัง 5G จำนวน 4,000 โครงการ และโรงงาน 5G จำนวน 500 แห่ง โดยจีนตั้งเป้าหมายมีเครือข่าย 5G ครอบคลุมทุกตำบลและเมือง รวมถึงหมู่บ้านส่วนใหญ่ ภายในปี 2568
เรื่องที่ 3,722 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดี (25 ม.ค.) นายจอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงทางตอนใต้ของจีน ได้แสดงความหวังที่จะส่งเสริม “เศรษฐกิจงานอีเวนต์ขนาดใหญ่” (mega-event economy) เพื่อดึงดูดผู้คนให้มาเยือนฮ่องกงเพิ่มขึ้น และแปรเปลี่ยนชื่อเสียงเป็นความเจริญรุ่งเรือง
การจัดงานอีเวนต์เหล่านี้เพิ่มความน่าดึงดูดใจและโอกาสทางธุรกิจของฮ่องกง ตลอดจนส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในภาคธุรกิจการท่องเที่ยว การโรงแรม อาหาร และการค้าปลีก โดยผู้มาเยือนทุก 1.5 ล้านคน มีส่วนส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจท้องถิ่นราว 0.1 จุด นอกจากนี้ รัฐบาลฮ่องกงยังตั้งเป้าหมายขยาย “ส่วนแบ่ง” เพื่อรับรองว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจในมิติต่าง ๆ ดีขึ้น โดยมีการวางแผนฟื้นฟูเขตวานจื่อ (Wan Chai) รวมถึงบูรณะอาคารบางส่วนของรัฐบาลให้เป็นสถานที่จัดนิทรรศการ ตลอดจนขยายศูนย์ประชุมและนิทรรศการเอเชียเวิลด์-เอ็กซ์โป ซึ่งทั้งหมดจะช่วยเพิ่มความจุสถานที่ของฮ่องกงราว 40%
เรื่องที่ 3,723 นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐได้ส่งจดหมายไปยังผู้นำคณะกรรมการที่สำคัญของรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันพุธ (24 ม.ค.) โดยแจ้งให้ทราบถึงความตั้งใจของเขาที่จะเริ่มกระบวนการแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการสำหรับการขายเครื่องบินขับไล่ F-16 ของบริษัทล็อกฮีด มาร์ตินให้กับตุรกี ทันทีที่ตุรกีเสร็จสิ้นกระบวนการภาคยานุวัติ (accession process) ให้กับสวีเดนในการเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ในจดหมายถึงสมาชิกระดับสูงของพรรครีพับลิกันและเดโมแครตของคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาและคณะกรรมการกิจการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรนั้น ปธน.ไบเดนได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติการขายดังกล่าวโดยไม่ชักช้า
เรื่องที่ 3,724 กระทรวงแรงงานญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (26 ม.ค.) ระบุว่า จำนวนแรงงานต่างชาติในญี่ปุ่น ณ สิ้นสุดในเดือนต.ค. 2566 พุ่งสูงกว่าระดับ 2 ล้านคนเป็นครั้งแรก ขณะที่ญี่ปุ่นเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
จำนวนแรงงานต่างชาติเพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์แตะ 2,048,675 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น 225,950 คนหรือ 12.4% จากปีก่อนหน้า อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของจำนวนผู้ฝึกงานด้านเทคนิค หลังจากญี่ปุ่นผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดนอันเข้มงวดในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ จำนวนบริษัทและสถานที่ต่าง ๆ ที่จ้างแรงงานต่างชาติก็เพิ่มขึ้น 6.7% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 318,775 แห่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ เหล่านี้จ้างแรงงานต่างชาติมากขึ้นเพื่อรับมือกับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
โดยนพวัชร์