ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 8-9 ต.ค.2566
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีกำหนดการเดินทางเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-12 ต.ค. 2566 ดังนี้ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน บรูไนดารุสซาลาม มาเลเซีย และสาธารณรัฐสิงคโปร์
เรื่องที่ 3,013 เริ่มจากกำหนดการแรก เยือนฮ่องกง วันอาทิตย์ที่ 8 ต.ค. มีกำหนดการพบหารือทวิภาคีกับผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ณ ทำเนียบผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง และพบหารือภาคธุรกิจฮ่องกงวันอังคารที่ 10 ต.ค. 2566 นายกรัฐมนตรี จะออกเดินทางจากฮ่องกงไปยังบันดาร์เสรีเบกาวัน และจะเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม จากนั้นจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็น ซึ่งสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลามพระราชทานเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีวันพุธที่ 11 ต.ค. 2566 ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ จากนั้นจะพบหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงข่าวร่วม และนายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็น ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีวันพฤหัสบดีที่ 12 ต.ค. 2566 ในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ ทำเนียบรัฐบาลสาธารณรัฐสิงคโปร์ หารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์ แถลงข่าวร่วม และในช่วงบ่ายจะพบหารือนักธุรกิจสิงคโปร์ ก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทย
เรื่องที่ 3,014 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือส.อ.ท. และภาคเอกชน เจอโจทย์หิน โจทย์ใหญ่ที่เสี่ยนิด “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโยนมาให้เข้าเสียแล้ว
เมื่อเสี่ยนิดของเราเกิดสำนึกบุญคุณของประเทศญี่ปุ่น จนถึงกับเอ่ยคำว่าเป็นผู้มีพระคุณของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เพราะฉะนั้นจึงต้องดูแลค่ายรถญี่ปุ่นที่ยังผลิตรถยนต์สันดาปภายใน หรือ ไอซีอี (ICE) จนหยดสุดท้าย
เรียกว่าเอาให้เป็นฐานผลิตสุดท้ายของโลก หรือลาสต์แมนสแตนดิ้ง (Last Man Standing) กันไปเลย เพราะไทยเป็นซัพพลายหลักของโลก มีการจ้างงานถึง 6 แสนราย ด้วยความที่ญี่ปุ่นไม่มียนต์ยนไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ไปสู้กับจีนได้
พี่ไก่ “เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธาน ส.อ.ท.ก็รับได้ทุกเรื่อง พร้อมหาแนวทางดูแล และพัฒนาขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอีวีไปพร้อมๆกัน เรียกว่าสมกับเป็นมิสเตอร์ที่ทำได้ทุกอย่าง หรือ Mr. Everything เลยขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 3,015 “ชัย วัชรงค์” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญภายหลังจาก นายกรัฐมนตรีได้พบกับภาคธุรกิจฮ่องกงว่า ตัวแทนภาคเอกชน (Dr. Allan Zeman, Chairman, Lan Kwai Fong Group) กล่าวชื่นชมนโยบาย Free Visa สำหรับนักท่องเที่ยว เชื่อมั่นว่าภาคเอกชนจะได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้ ไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่ดีที่สุด ถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่ดีที่สุดของนายกรัฐมนตรีสำหรับนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใหญ่มากกว่า 1,400 ล้านคน
ในขณะที่ตัวแทนภาคธุรกิจจากโรงพยาบาล กล่าวว่า ฮ่องกงขาดแคลนแรงงานจำนวนมาก จึงอยากที่จะเชิญชวนแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เข้ามาทำงานระยะสั้นที่ฮ่องกง ทั้งเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ และเพื่อการทำงาน โดยไทยถือได้ว่ามีมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพอยู่ในระดับสากล
เรื่องที่ 3,016 รัฐบาลไทย เปิดเผยผ่านทางหน้าเพจเอ็กซ์ (X) หรือทวิตเตอร์ชื่อบัญชี “ไทยคู่ฟ้า” ว่า “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีไทยได้สั่งการด่วน ให้กองทัพอากาศเตรียมเครื่องบินเพื่ออพยพคนไทยกลับจากอิสราเอล เมื่อได้รับสัญญาณให้บินเข้าไปได้ทันที หลังเกิดเหตุจรวดโจมตีจากฉนวนกาซาไปยังหลายพื้นที่ในอิสราเอลโดยขอให้สถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ช่วยดูแลคนไทยอย่างเร่งด่วนและเต็มที่ด้วยสำหรับคนไทยในอิสราเอล สามารถติดต่อเบอร์ Hotline สถานทูตฯ เทลอาวีฟ ได้ที่ +972 54 6368150 ตลอด 24 ชั่วโมง
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 3,017 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธของปาเลสไตน์ เปิดฉากโจมตีอิสราเอลอย่างกะทันหันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 ต.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 250 ราย และถูกจับเป็นตัวประกันอีกหลายสิบคนไปยังฉนวนกาซา
ไม่นานหลังจากนั้น อิสราเอลส่งเครื่องบินรบโจมตีถล่มฉนวนกาซาทันที ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 230 รายและบาดเจ็บกว่า 1,600 ราย พร้อมให้คำมั่นว่าจะตอบโต้อย่างสาสม
นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวว่า “ศัตรูของเราจะต้องชดใช้ในรูปแบบที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน” พร้อมเสริมว่า “เรากำลังอยู่ในภาวะสงครามและเราจะชนะ”
ด้านนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำสูงสุดกลุ่มฮามาสระบุว่า การโจมตีที่ได้เริ่มต้นขึ้นในฉนวนกาซาจะลุกลามไปยังเขตเวสต์แบงก์และกรุงเยรูซาเลม
เรื่องที่ 3,018 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติบราซิล (INPE) เปิดเผยว่า การตัดไม้ทำลายป่าในป่าอะเมซอนของบราซิลลดลง 59% เมื่อเทียบรายปี เหลืออยู่ที่ 590.3 ตารางกิโลเมตรในเดือนก.ย. โดยบราซิลเป็นที่ตั้งของป่าฝนอะเมซอน 60% ในทวีปอเมริกาใต้
อย่างไรก็ดี การตัดไม้ทำลายป่าบริเวณทุ่งหญ้าสะวันนาเซอราโด กลับเพิ่มขึ้น 89% เมื่อเทียบปีต่อปีในเดือนก.ย. โดยทุ่งหญ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนกลางของบราซิล ครอบคลุมพื้นที่ 23.3% ของประเทศ
เรื่องที่ 3,019 รัฐบาลอัฟกานิสถานเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดแตะระดับกว่า 2,000 ราย ขณะที่มีผู้บาดเจ็บกว่า 9,000 ราย
สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) รายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 6.3 แมกนิจูดและอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลายครั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 ต.ค.) ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเฮรัต ทางตะวันตกของประเทศอัฟกานิสถานประมาณ 35 กิโลเมตร
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุว่า มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากติดอยู่ใต้อาคารที่ถล่ม ขณะที่ทีมกู้ภัยกำลังเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต
เรื่องที่ 3,020 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ฮ่องกงยกระดับเตือนภัยพายุไต้ฝุ่นโคอินุ ขึ้นสู่ระดับ 8 แล้วในวันนี้ (8 ต.ค.) ขณะที่ไต้ฝุ่นโคอินุเคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะ ส่งผลให้เกิดลมแรงและฝนตกหนัก
หอสังเกตการณ์ฮ่องกงระบุผ่านทางเว็บไซต์ว่า ได้ยกระดับเตือนภัยพายุขึ้นสู่ระดับ 8 ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับสามจาก 5 ระดับ ส่งผลให้ฮ่องกงสามารถปิดโรงเรียน ร้านค้า และร้านอาหาร และระงับการบริการขนส่งสาธารณะ
รายงานระบุว่า ไต้ฝุ่นโคอินุจะเข้ามาอยู่ในรัศมี 100 กิโลเมตรจากฮ่องกงในวันนี้ และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ และเกิดฝนตกหนักในวันอาทิตย์และวันจันทร์ (9 ต.ค.)
เรื่องที่ 3,021 สำนักข่าวซินหัวรายงานข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติของจีนในวันนี้ (7 ต.ค.) ระบุว่า หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศรายงานปริมาณการเดินทางขาเข้าและขาออกของนักเดินทางสูงกว่า 11.8 ล้านครั้งในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันชาติจีนระยะเวลารวม 8 วันซึ่งสิ้นสุดลงในวันศุกร์ (6 ต.ค.)
สำนักงานฯ เปิดเผยว่า ปริมาณการเดินทางขาเข้าและขาออกเฉลี่ยต่อวันสูงถึงเกือบ 1.48 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 2.9 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565
ทั้งนี้ ปริมาณการเดินทางทั้งหมด แบ่งเป็นการเดินทางขาเข้าประมาณ 5.87 ล้านครั้ง และการเดินทางขาออกเกือบ 5.95 ล้านครั้ง
โดยนพวัชร์