ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 20-21 ก.ย. 2566
เป็นรัฐมนตรีครั้งแรก ก็รับงานใหญ่เลย สำหรับ ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
เรื่องที่ 2,883 เป็นรัฐมนตรีครั้งแรก ก็รับงานใหญ่เลย สำหรับ ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รับบัญชาจากเสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ขึ้นทะเบียนผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ เพื่อปราบปรามมาเฟีย หรือเจ้าพ่อ
จะว่าไปแล้ว ชาดา ไทยเศรษฐ์ ก็ถือว่าเป็นเจ้าพ่อ เขาเองได้รับการยกให้เป็นผู้มีอิทธิพลแห่งเมืองอุทัยธานี
หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจการปกครองในปี 2557 เขาถูกจับตามองจาก คสช และเคยถูกเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช. ตรวจค้นบ้านของเขาในปี 2560
ชาดา มีบทบาทมากเมื่อย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.จังหวัดอุทัยธานีในปีถัดมา จากนั้นในปี 2566 เขาได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. อีกสมัย และได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน
จะว่าไปแล้ว การประกาศปราบผู้มีอิทธิพลนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ หากแต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อมีรัฐบาลใหม่
เช่น เมื่อครั้งที่ คสช.เข้ามาคุมประเทศใหม่ๆ ก็เคยประกาศจัดการกับคนกลุ่มนี้ แต่นานวันเข้าก็เงียบหายไป
ดังนั้น การประกาศปราบปรามผู้มีอิทธิพลจึงเหมือนการประกาศกับผู้มีอิทธิพลให้ได้รับรู้ว่า ณ ตอนนี้ มีเจ้านายใหม่แล้ว
เรื่องที่ 2,884 วันนี้ได้มีโอกาสมาร่วมงาน กฟผ. ชวนคนไทยฉลองความสำเร็จ 30 ปี DSM การจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า ยกระดับฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ติดดาว โฉมใหม่ ทำให้ได้ได้เจอว่าที่ปลัดกระทรวงพลังงานคนใหม่ พี่เสริฐ “ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ” ซึ่งปัจจุบันยังเป็นอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
ฟังท่านพูดแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ เพราะพี่เสิรฐบอกว่าการถูกเชิญขึ้นพูดบนเวทีครั้งนี้เป็นแบบไม่ทันตั้งตัว หรือเรียนกว่าถูกเชิญกะทันหัน แต่พอได้ฟังลีลาที่พูดบนเวทีแล้วเหมือนเตรียมตัวมาแล้วเป็นอย่างดี
เรียกว่านี่ขนาดยังไม่ได้เตรียมตัวยังพูดได้ขนาดนี้ ถ้าเตรียมตัวมาจะได้ขนาดไหนนะ แบบนี้สื่อมวลชนหายห่วง เพราะเมื่อถึงเวลาขึ้นเป็นปลัดกระทรวงพลังงาน และต้องพบเจอสื่อมวลชน พี่เสริฐคงตอบได้อย่างคล่องปาก
สื่อมวลชนเองก็คงได้ประเด็นไปเขียนข่าวอย่างที่ตั้งใจ ยังไงก็รอวันที่ท่านขึ้นเป็นปลัดกระทรวงฯนะขอรับ เพราะมีอีกหลายประเด็นทีเดียวที่ท่านคงต้องตอบในฐานะปลัดกระทรวงฯคนใหม่ขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 2,885 ปกติไม่เป็นข่าว มานานหลายปี แต่ล่าสุด มีมือดี ปล่อยข่าว “วรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี” อดีตเอ็มดี ธนาคารรัฐ 2 แห่งคือ ธอส.และธนาคารออมสิน ระบุว่าจะหวนกลับคืนแบงก์รัฐอีกครั้ง งานนี้ เรียกเสียงฮือฮา!! อุ่นหนาฝาคั่งอย่างมากที่เดียว!!
โดยเฉพาะคนที่เป็นลูกน้องเก่าจากธอส.และธนาคารออมสิน รวมถึงคนรู้จักก็อยากทราบความจริง กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่รอคำตอบจาก “วรวิทย์” แต่สุดท้ายแล้ว เรื่องนี้ ก็เป็นเพียงข่าวลือ!!
“วรวิทย์” เล่าว่า ความคิดอยากเป็นเอ็มดีแบงก์คือ เรื่องเก่า ตอนวัยหนุ่มอายุ 40 กว่า แต่ปัจจุบัน “วรวิทย์” อายุ 50 กว่าเจ้าตัวบอกว่า ผมมองอะไรที่ใหญ่ไปกว่านั้น จบข่าว!!
เรื่องที่ 2,886 “หนิม-จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.” ยืนยัน นอนยันว่า พักหนี้เกษตรกรเสร็จแล้ว และพร้อมเสนอ ครม.ในวันที่ 26 ก.ย.นี้ อย่างแน่นอน เพราะขณะนี้ มีความคืบหน้าไปมากกว่า 80% แล้ว เหลือเพียงขั้นตอนเดียวคือ นายกฯ เห็นชอบและเคาะ ส่วนประเด็นอื่นๆ ไม่มีอะไรที่น่ากังวล!! ครับผม
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 2,887 จีนออกโรงกล่าวหาว่าสหรัฐได้เจาะเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทหัวเว่ย (Huawei) อย่างต่อเนื่อง และโจมตีทางไซเบอร์เพื่อล้วงข้อมูลสำคัญอื่น ๆ นับตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งถือเป็นความขัดแย้งครั้งล่าสุดระหว่างจีนและสหรัฐ หลังความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศทวีความร้อนแรง
ทั้งนี้ กระทรวงความมั่นคงแห่งชาติจีนได้โพสต์ข้อความฉบับหนึ่งผ่านทางบัญชีวีแชท (WeChat) ในวันนี้ (20 ก.ย.) โดยข้อความดังกล่าวมีหัวข้อว่า “เปิดเผยวิธีการจารกรรมทางไซเบอร์และการโจรกรรมที่น่ารังเกียจของหน่วยข่าวกรองสหรัฐ”
ข้อความดังกล่าวบ่งชี้ถึงความพยายามของรัฐบาลสหรัฐที่ต้องการต่อต้านหัวเว่ย เทคโนโลยี่ (Huawei Technologies) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีแถวหน้าของจีน ขณะเดียวกันยังได้กล่าวหาว่า สหรัฐได้สั่งให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ติดตั้งประตูหลัง (Backdoor) ในซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อที่สหรัฐจะสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากประเทศต่าง ๆ เช่น จีนและรัสเซีย
สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า หลังจากความตึงเครียดทวีความร้อนแรง สหรัฐและจีนก็ได้ขยายปฏิบัติ การสอดแนมทั่วโลก โดยสำนักข่าววอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานในเดือนก.ค.ว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับจีนได้เข้าถึงบัญชีอีเมลของทูตสหรัฐประจำประเทศจีน โดยเชื่อว่าแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงอีเมลหลายร้อยฉบับ
เรื่องที่ 2,888 เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี (AFP) ว่า ญี่ปุ่นได้ขอให้จีนนำทุ่นลอยน้ำของจีนออกจากน่านน้ำในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ใกล้กับหมู่เกาะที่ทั้งญี่ปุ่นและจีนต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์
“เราได้ทำการยื่นประท้วงทั้งในญี่ปุ่นและจีนนับตั้งแต่ยามชายฝั่งญี่ปุ่นพบทุ่นลอยน้ำในเขต EEZ ในทะเลจีนตะวันออกของญี่ปุ่น” เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทุ่นลอยน้ำดังกล่าวถูกพบในน่านน้ำใกล้หมู่เกาะเซ็งกากุตามภาษาญี่ปุ่นหรือหมู่เกาะเตียวอวี๋ตามภาษาจีน
รายงานระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นทวีความตึงเครียด นับตั้งแต่ญี่ปุ่นปล่อยน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีที่ได้รับการบำบัดแล้วออกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิในวันที่ 24 ส.ค. หลังจากที่สองประเทศขัดแย้งกันมานานหลายทศวรรษ
เรื่องที่ 2,889 องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) เปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 86% ของช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ในเดือนส.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวจีน
รายงานระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนส.ค. อยู่ที่ราว 2.2 ล้านราย เทียบกับระดับ 2.52 ล้านรายในเดือนส.ค. 2562 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 364,100 คนในเดือนส.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเมื่อเดือนก.ค. 16% หลังจากที่จีนอนุญาตให้กรุ๊ปทัวร์เที่ยวญี่ปุ่นได้อีกครั้งเมื่อเดือนส.ค. แม้ยังคงต่ำกว่าตัวเลขเดือนส.ค. 2562 โดยเวลานั้นอยู่ที่กว่า 1 ล้านราย
เรื่องที่ 2,890 สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษลดลงสู่ระดับ 6.7% ในเดือนส.ค. หนึ่งวันก่อนที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะประกาศการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะเพิ่มขึ้นสู่ 7.0% ในเดือนส.ค. จาก 6.8% ในเดือนก.ค. โดยราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นและการเพิ่มภาษีสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อรายปีเพิ่มสูงขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.
มีการคาดการณ์ว่า BoE จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 15 ในวันพรุ่งนี้ (21 ก.ย.) ทำให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจาก 5.25% เป็น 5.50% ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนจำนวนมากคาดว่า อาจเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในวงจรการคุมเข้มทางการเงินปัจจุบันของ BoE เนื่องจากเศรษฐกิจของอังกฤษชะลอตัวลง
เรื่องที่ 2,891 หนี้สาธารณะของสหรัฐพุ่งทะลุ 33 ล้านล้านดอลลาร์เป็นประวัติการณ์ครั้งแรก ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อนที่รัฐบาลกลางสหรัฐมีแนวโน้มจะต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาล เนื่องจากขาดงบประมาณในการดำเนินงาน
กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า หนี้สาธารณะของสหรัฐซึ่งเป็นจำนวนเงินที่รัฐบาลกลางกู้ยืมมาเพื่อใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 33.04 ล้านล้านดอลลาร์ ณ วันจันทร์ (18 ก.ย.)
กระทรวงฯ ระบุว่า การใช้จ่ายของรัฐบาลกลางเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ระหว่างปีงบประมาณ 2562-2564 ส่งผลให้หนี้สาธารณะพุ่งแตะ 33 ล้านล้านดอลลาร์
การปรับลดภาษี, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และรายได้จากภาษีที่ลดลง อันเนื่องมาจากภาวะว่างงานเป็นวงกว้างในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นปัจจัยที่ผลักดันให้การกู้ยืมของรัฐบาลพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
โดยนพวัชร์