ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 7-8 ก.ค. 2566
เคาะแล้ว การประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี จะมีขึ้นในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้
เรื่องที่ 2,373 เคาะแล้ว การประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี จะมีขึ้นในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ โดยจะเป็นการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของบรรดา ส.ส.และ ส.ว.รวมกันเกือบ 750 คน
อย่างไรก็ตาม ก่อนวันโหวตหนึ่งวัน คือวันที่ 12 กรกฎาคม ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการเรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ ส.ส.บางคน ที่ยังไม่ได้ปฏิญาณตน ได้เข้าปฏิญาณตน เพื่อที่จะสามารถโหวตนายกรัฐมนตรีได้ ในวันที่ 13 กรกฎาคม
สำหรับสัญญาณของ ส.ว.ยังไม่มีท่าทีว่าจะสนับสนุนพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ที่ชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง ให้เป็นนายกคนที่ 30 โดยยังยกเหตุผลและข้ออ้างเดิมคือพรรคก้าวไกล นโยบายการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 , รวมไปถึงคุณสมบัติของนายพิธา ซึ่งยังติดค้างคดีการถือครองหุ้นสื่อไอทีวี , และหลากหลายนโยบายของพรรคก้าวไกล ที่ยังเป็นข้อกังขา ไม่ว่าจะเป็น การ นิรโทษกรรมคดีความทางการเมือง ซึ่งจะรวมถึงประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยหรือไม่ , การที่ ส.ส.พรรคก้าวไกลเสนอให้เปลี่ยนวันชาติจากวันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันที่ 24 มิถุนายน , รวมไปถึงข้อกังขาการสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่จังหวัดใช้แดนภาคใต้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าวันที่ 13 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้จะมีมิตรรักแฟนคลับของพรรคก้าวไกล ไปชุมนุมที่หน้าอาคารรัฐสภา เพื่อกดดันสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมไปถึงสมาชิกวุฒิสภา ให้โหวตสนับสนุนตามมติของประชาชน
เรื่องที่ 2,374 ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV)ในประเทศไทยเวลานี้เริ่มหนาตามากขึ้น ขับรถไปบนท้องถนนก็เห็นถี่ขึ้น ไม่แปลกใจที่หลายหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานขึ้นมาเพื่อรองรับ อย่างล่าสุด บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ (OR) ได้มีการขยาย EV Station PluZ เครือข่ายสถานีชาร์จครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วไทย กว่า 400 แห่ง เพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคกลุ่มนักเดินทางระยะใกล้-ไกล
โดยมีเป้าหมายที่ดูดีสำหรับผู้ใช้อีวีอย่างมาก นั่นก็คือติดตั้งสถานีชาร์จตลอดระยะการเดินทางทุก 100 กิโลเมตร และตั้งเป้าขยายบริการ 7,000 หัวชาร์จแบบ DC หรือหัวชาร์จสำหรับไฟฟ้ากระแสตรงภายในปี 2573 เน้นครอบคลุมทั้งบนถนนสายหลัก ถนนสายรอง อำเภอขนาดใหญ่ และเชื่อมสู่เส้นทางแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ทั้งในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่เป็นจุดแวะพัก รวมไปถึงการขยายบริการไปยัง Commercial Area อื่น ๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร และอาคารสำนักงาน
ขณะที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) โดยท่านเลขาปืน “นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์” โชว์ผลงานเจ๋งอีกแล้ว เมื่อสามารถขับกล่อมความน่าสนใจของให้กับยักษ์ใหญ่อันดับ 3 ทางด้าน EV ของจีนอย่างบริษัท GAC AION New Energy Automobile หรือ GAC AION ยอมลงทุนครั้งใหญ่ในไทย โดยจะใช้เงินลงทุนในเฟสแรกกว่า 6,000 ล้านบาท
ได้เห็นนโยบายการขับเคลื่อน EV ของไทยแบบนี้แล้ว ใครที่สนใจจะเปลี่ยนไปใช้ยานยนต์รักษ์โลกน่าจะตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น งานนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบที่ทำได้เข้าตากรรมการเลยล่ะครับเจ้านาย
เรื่องที่ 2,375 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ (7ก.ค.) อยู่ที่ระดับ 35.17 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่า จากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 35.23 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 35.16 – 35.30 บาท/ดอลลาร์ และคาดว่า วันจันทร์ที่ 10 ก.ค. เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 35.05 – 35.35 บาท/ดอลลาร์
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 2,376 เจเนต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ เปิดฉากเยือนจีน 4 วันในวันนี้ (7 ก.ค.) ด้วยการเรียกร้องให้จีนปฏิรูปตลาด พร้อมเตือนว่า สหรัฐและพันธมิตรจะตอบโต้ต่อสิ่งที่ นางเยลเลนเรียกว่าเป็น “พฤติกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่เหมาะสม”
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นางเยลเลนแสดงความคิดเห็นดังกล่าวในการประชุมร่วมกับกลุ่มบริษัทสหรัฐที่ทำธุรกิจในจีน หลังเสร็จสิ้นการประชุมในช่วงเช้าวันนี้กับ นายหลิว เหอ อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านเศรษฐกิจและอดีตรองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นคนสนิทของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน นอกจากนี้ นางเยลเลนมีกำหนดพบปะกับนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนในวันเดียวกัน
ขณะเดียวกัน นางเยลเลนได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับกรณีที่จีนออกมาตรการจำกัดการส่งออกโลหะชิปผ่านสุนทรพจน์ที่ร่างไว้สำหรับกล่าวกับกลุ่มธุรกิจสหรัฐในจีน “ดิฉันวิตกกังวลเกี่ยวกับกรณีที่จีนเพิ่งออกมาตรการควบคุมการส่งออกโลหะสำคัญที่ใช้ในเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ชิปเซมิคอนดักเตอร์” “เรายังอยู่ระหว่างขั้นตอนของการประเมินผลกระทบจากการดำเนินการครั้งนี้ แต่กรณีดังกล่าวย้ำเตือนให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความคล่องตัวและความหลากหลายให้กับห่วงโซ่อุปทาน” นางเยลเลนกล่าว กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศ เมื่อวันจันทร์ที่ 3 ก.ค. ว่า บริษัทในจีนที่ต้องการส่งออกโลหะ 2 ชนิดที่สำคัญได้แก่ กัลเลียม (Gallium) และเจอร์มาเนียม (Germanium) จะต้องยื่นขอใบอนุญาตนับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.
อย่างไรก่อนหน้า สหรัฐฯ ประกาศจะไม่ส่งออกชิปล้ำยุคและอุปกรณ์การผลิตชิปไปจีน
เรื่องที่ 2,377 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ฟูเรียร์ อินเทลลิเจนซ์ สตาร์ทอัพเทคโนโลยีของจีนที่เชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์เพื่อการฟื้นฟูและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เปิดตัวหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่มีความคล้ายคลึงมนุษย์รุ่นแรกของบริษัท ในระหว่างการประชุมปัญญาประดิษฐ์โลก (WAIC) ประจำปี 2566 ที่กำลังดำเนินอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ ทางตะวันออกของจีน
รายงานระบุว่า บริษัท ซึ่งมีฐานอยู่ในเซี่ยงไฮ้ หันมามีส่วนร่วมในธุรกิจหุ่นยนต์ทั่วไปด้วยเป้าหมายกอบโกยโอกาสทางการตลาดขนาดใหญ่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และกำลังสำรวจเพื่อนำหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ไปใช้งานในหลายสาขา เช่น การบรรเทาทุกข์และรับมือภัยพิบัติ การดูแลผู้สูงอายุ และการบริการในครัวเรือน หุ่นยนต์ดังกล่าวมีชื่อว่า จีอาร์-1 (GR-1) สูง 1.65 เมตร หนัก 55 กิโลกรัม สามารถเดินด้วยความเร็ว 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยกน้ำหนักได้มากถึง 50 กิโลกรัม ทั้งสามารถเดินด้วย 2 เท้า หลบหลีกสิ่งกีดขวาง ขึ้น-ลงทางลาดชันอย่างมั่นคง และทนทานต่อแรงกระแทก เนื่องจากมีการควบคุมการเคลื่อนไหวที่เหมือนมนุษย์
จีอาร์-1 สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ ขณะที่เคลื่อนไหวและทำงานต่างๆ ด้วยความช่วยเหลือของความฉลาดด้านการประมวลผลจากเครื่องมือที่คล้ายคลึงกับแชทจีพีที (ChatGPT)
เรื่องที่ 2,378 อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (Economist Intelligence Unit – EIU) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจเปิดเผยรายงานล่าสุดระบุว่า ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ เป็น 3 ประเทศที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดในกรณีที่ไต้หวันและจีนเผชิญกับสถานการณ์ความขัดแย้งอย่างเต็มรูปแบบ (full-conflict scenario) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมโดยตรงในปฏิบัติการทางทหารของจีน, ไต้หวัน และสหรัฐ รวมทั้งข้อสันนิษฐานที่ว่า การมีส่วนร่วมของจีนจะทำให้สถานการณ์ขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น
ทั้งนี้ EIU ประเมินว่า ความเสี่ยงที่จีนจะใช้กำลังทหารจู่โจมไต้หวันโดยตรงนั้น “มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก” แต่หากเกิดขึ้นจริง ทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบางมากที่สุด เนื่องจากมีภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ใกล้กับช่องแคบไต้หวัน และมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ใกล้ชิดกับจีนเป็นอย่างมาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือทั้ง 3 ประเทศเป็นพันธมิตรทางสนธิสัญญากับสหรัฐ
รายงานของ EIU ระบุว่า การที่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์มีฐานทัพสหรัฐตั้งอยู่นั้น ยิ่งตอกย้ำถึงความเปราะบางที่ทั้ง 3 ประเทศอาจจะต้องเผชิญในกรณีที่จีนตัดสินใจโจมตีไต้หวัน หรือหากจีนเลือกที่จะทำสงคราม”เราคาดว่าสหรัฐจะเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อปลุกเร้าบรรดาชาติพันธมิตรด้านความมั่นคงของสหรัฐในภูมิภาคแห่งนี้ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ที่เคยมีฐานทัพสหรัฐเข้ามาตั้งอยู่ เช่น ไทย และสิงคโปร์” รายงานระบุ
EIU ระบุว่า มีตลาดบางแห่งที่อาจจะเผชิญกับความเสี่ยงที่รุนแรงจากข้อพิพาทดังกล่าวซึ่งได้แก่ ไทย ออสเตรเลีย มาเลเซีย เวียดนาม รวมทั้งฮ่องกง แต่ฮ่องกงอาจจะเสี่ยงน้อยกว่า เนื่องจากการค้าของประเทศเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับจีน อีกทั้งยังต้องพึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์จากไต้หวัน ตลอดจนเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ต้องพึ่งพากระแสการค้าโลกด้วย
โดยนพวัชร์