ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 14-15 มิ.ย 2566
![](https://aec10news.com/wp-content/uploads/2023/06/messageImage_1686741097287-1024x796.jpg)
คดีหุ้นสื่อไอทีวี ของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต้องเรียกว่าชั่วโมงนี้ฝ่ายของพิธานั้น กุมเกมเหนือกว่า
![ป.ป.ช.เผย “พิธา” ยื่นค้ำประกันหนี้-ถือหุ้น itv แล้ว คุณสมบัติส.ส.](https://static.thairath.co.th/media/dFQROr7oWzulq5Fa5K318rgIYQ1cExP7gfXvlY5VM0f9HA0eZ4a7mvEawjHgoAem6UC.jpg)
เรื่องที่ 2,260 โดยล่าสุดนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ออกมาเปิดเผยว่า พิธาได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินในปี 2562 โดยในส่วนของหุ้นไอทีวี ได้เขียนหมายเหตุไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นผู้จัดการมรดก โดยมีคำสั่งศาลที่เป็นเอกสารแนบกำกับไว้ด้วย
ในความหมายนี้ ผู้จัดการมรดกไม่ใช่เจ้าของมรดก หากเป็นเช่นที่เลขาธิการ ป.ป.ช.พูดไว้จริงๆ ก็จะเท่ากับว่า หุ้นไอทีวี ไม่ใช่ของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หากแต่เป็นการโอนมาให้เขาเมื่อบิดาเสียชีวิต เขาจึงรับผิดชอบในฐานะผู้จัดการมรดก ซึ่งไม่ใช่เจ้าของหุ้น
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า คดีนี้แนวทางสู้ของพิธา ไม่ใช่การงัดหลักฐานขึ้นมาได้ว่าไอทีวียังคงเป็นสื่อหรือดำเนินการเกี่ยวกับสื่อมวลชนอยู่หรือไม่
แต่แนวทางการต่อสู้ของพิธา ที่จะทำให้รอดพ้นจากคดีนี้ก็คือ การพิสูจน์ให้เห็นว่า เขาเป็นผู้จัดการมรดก ไม่ใช่เจ้าของมรดก
![เลขาฯ ป.ป.ช.เผย “พิธา” ยื่นบัญชีทรัพย์สินมีบัญชีรายการถือครองหุ้นไอทีวี การค้ำประกันหนี้](https://image.onehd.net/Media/Test/234409104421758.jpg)
ดังนั้น การที่เลขาธิการ ป.ป.ช.ออกมาพูดเช่นนี้ ถือว่าทำให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กุมเกมที่เหนือกว่าแล้วในตอนนี้
![](https://aec10news.com/wp-content/uploads/2023/06/4C6A7737-1024x683.jpg)
เรื่องที่ 2,261 ดูเหมือนว่าสัญญาณเศรษฐกิจในประเทศไทยจะไม่ค่อยสู้ดีเสียแล้วกระมัง เมื่อล่าสุดทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยพี่ไก่ “เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธาน ส.อ.ท. รายงานการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2566 จากการสำรวจผู้ประกอบการจำนวน 1,327 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท. อยู่ที่ระดับ 92.5 ปรับตัวลดลงจาก 95.0 ในเดือนเมษายน
โดยที่ บก.ชวนคุยบอกว่าสัญญาณไม่ค่อยดีก็เพราะว่านี่เป็นการปรับตัวลดลงเดือนที่ 2 ติดต่อกันแล้ว สิ่งที่น่ากลัวก็คือ ปรับตัวลดลงทุกองค์ประกอบ ทั้งดัชนีฯ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ ซึ่งปัจจัยสำคัญก็มาจากการส่งออกที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง จากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน
![](https://aec10news.com/wp-content/uploads/2023/06/info-TISI-พ.ค.66-1-1024x679.jpg)
นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังคงต้องเผชิญกับปัญหาต้นทุนการผลิตที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะราคาพลังงาน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย เห็นแล้วก็ต้องบอกว่าปัจจัยรุมเร้ารอบตัวเสียเหลือเกินประเทศไทย พวกเราผู้เป็นประชาชน ผู้บริโภคก็ต้องสู้ๆ นะครับผม
โดยนพวัชร์