ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 1 – 2 มิ.ย 2566
มาอีกแล้วข้อเสนอ รัฐบาลแห่งชาติ นำเสนอโดย ส.ว.จเด็จ อินสว่าง
เรื่องที่ 2,202 มาอีกแล้วข้อเสนอ รัฐบาลแห่งชาติ นำเสนอโดย ส.ว.จเด็จ อินสว่าง บอกให้งดใช้รัฐธรรมนูญในบางมาตรา เพื่อเปิดทางให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยรวมเอาตัวท็อป จากทุกพรรคการเมืองมารวมอยู่ด้วยกัน ไม่ต้องมีฝ่ายค้าน
ข้อเสนอนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง ในระหว่างที่พรรคก้าวไกล ซึ่งชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่แน่ว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ขณะเดียวกัน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ไม่แน่ว่าจะผ่านคุณสมบัติหรือไม่ เนื่องจากการถือครองหุ้นสื่อไอทีวีนั้น กำลังขึ้นเขียง รอเชือดอยู่
จึงมีความเห็นจากทาง ส.ว. โดยความเห็นดังกล่าวนี้ ก็สอดรับกับการยื้ออำนาจให้แก่พี่น้อง 2 ป คือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้ยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป
ทั้งที่ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ถือได้ว่าสามารถส่ง 2 ลุงกลับบ้านได้แล้ว ดังนั้น ข้อเสนอรัฐบาลแห่งชาตินี้ อาจเป็นหนทางหนึ่งที่ 2 ป จะได้อยู่ต่อ แม้หนทางจะริบหรี่ก็ตาม
เรื่องที่ 2,203 ได้เฮกันหลายรอบ่วงนี้สำหรับราคาน้ำมันในประเทศไทย ตั้งแต่ราคาดีเซลที่ทำท่าจะต้องปรับขึ้นไปถึง 37 บาทต่อลิตร เพราะคาดการณ์กันว่ากระทรวงการคลังจะไมายอมต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตรไปอีก แต่กระทรวงพลังงานโดยท่านปลัดกบ “กุลิศ สมบัติศริ” แห่งกระทรวงพลังงานก็ออกมายืนยันว่าจะตรึงราคาเอาไว้ที่ 31.94 บาทต่อลิตรไปจนถึงปลายปี
ล่าสุดราคาน้ำมันดีเซลเองก็ลดลง 2 ครั้งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันครั้งแรก 30 สตางค์ต่อลิตร และวันพรุ่งนี้ (2 มิ.ย.66) ตั้งแต่เวลา 05.00 น. เป็นต้นไปก็จะลดลงอีกถึง 50 สตางค์ต่อลิตร รวม 2 ครั้งลดลงไป 80 สตางค์ต่อลิตรเลยทีเดียว ลองมาเชคราคาล่าสุดกันหน่อยว่าต้องจ่ายกันเท่าไหร่ ก็จะได้ประมาณนี้ น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ลิตรละ 42.44 บาท ,แก๊สโซฮอล์ 97 ลิตรละ 45.74 บาท (บางจาก) ,แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 34.65 บาท ,แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 34.38 บาท ,แก๊สโซฮอล์ E20 ลิตรละ 32.34 บาท และแก๊สโซฮอล์ E85 ลิตรละ 32.79 บาท
ลดรายจ่ายเรื่องค่าเดินทางได้ไปหน่อยช่วงนี้ แต่ก็อย่าใช้กันจนเพลินนะขอรับ ราคาน้ำมันมีลงก็มีขึ้นได้ต้องทำใจไว้ด้วยครับผม
ส่วนเรื่องนี้เห็นทีต้องยกตำแหน่ง Mr. Everything ให้กับพี่ไก่ “เกรียงไกรเธียรนุกุล” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ซะแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ถ้ายังจำกันได้พี่ไก่เคยแต่งตัวด้วยชุดนักเรียนในวันรับขวัญน้องนักเรียนมัธยมปีที่ 1 เปิดเทอมใหญ่ ปี 2566 พร้อมมอบสนามหญ้ามาตรฐานฟิฟ้า (FIFA) มูลค่าเกือบ 1 ล้านบาทให้กับโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยมาแล้ว
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาพี่ไก่ของเราก็ใส่ชุดนักกีฬาแบตมินตันในงานแข่งแบตเชื่อมสัมพันธ์กับสื่อมวลชน แม้ว่าจะไม่ได้ลงไปอวดฝีไม้ลายมือในสนาม แต่พี่ไก่ก็อยู่ตั้งแต่เป็นประธานเปิดงาน จนงานเลิกเลย เพลงเป็นทุกอย่างให้เธอแล้วถึงกับลอยมาเลย คงต้องติดตามบทบาทของพี่ไก่ต่อไปว่าคราวหน้าจะทำอะไรอีก ต้องบอกว่าพี่ไก่ทุ่มเต็มที่จริงๆเลยขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 2,204 สุดท้ายก็ปิดไม่มิด หลังจากผ่านพ้น วินาทีสุดท้ายลงการชิงชัย ตำแหน่งเอ็มดี ธอส. ทุกอย่างก็ถูกปิดเงียบหมด แม้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง รัฐวิสาหกิจ รวมถึงนักข่าวอีกหลายคนที่นั่งอยู่วงใน แม้จะทราบดีว่า รอบนี้ มีใครสมัครบ้าง แต่ข่าวก็ไม่เป็นข่าวจนกระทั่ง วันนี้ (1มิ.ย.) รายชื่อของผู้ท้าชิงก็ปรากฎออกมามีรวมทั้งหมด 3 คน ประกอบด้วย
1.“รักษ์ วรกิจโภคาทร” หรือ ดร.รัก จากเอ็กซิมแบงก์
2.“จตุฤทธิ์ จันทรกานต์” หรือ พี่โอ๋ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย แคปปิตอล พลัส จำกัด ก่อนเคยนั่งเป็นรอง บสย. แต่ได้ลาออกไปแล้ว
- “กมลภพ วีระพละ” หรือ พี่ต้น รองกรรมการผู้จัดการ ธอส. คนในเพียงหนึ่งเดียวที่ลงชิงเอ็มดี ธอส.ในครั้งนี้
ส่วนใครจะได้นั่งเอ็มดี ธอส. ตอนนี้ ถ้าฟันธง “ตอบตรงๆ” คือ “นาย รัก” ในฐานะเอ็มดี คว้ารางวัลมาแล้วถึง 2 แบงก์คือ บสย. และ เอ็กซิมแบงก์ มีภาษีมากสุด แต่จะได้หรือไม่ ต้องจับหวะการเมืองอีกครั้งว่า เป็นอย่างไร ถือว่า ตอบยาก เนื่องจากขุนคลัง “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” เคยปราม นาย รัก ไม่ให้ลงสมัครแล้ว แต่ไม่เป็นผล เพราะมีผู้ใหญ่ ที่ใหญ่กว่าขุนคลัง ขอให้ “ด็อกเตอร์” ลงสมัคร
เอวัง!! ก็มีด้วยประการฉะนี้
เรื่องที่ 2,205 ใจร้อนและรวดเร็ว ยกนิ้วให้ “สุวรรณ แทนสถิต” กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ BBL ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก ตามหลัง กนง.ไม่ทันข้ามสัปดาห์ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อปรับขึ้น 0.20% โดยอัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ (MLR) หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (Minimum Loan Rate) เป็น 6.85% ต่อปี
เอ็มโออาร์ (MOR) หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) เป็น 7.30% ต่อปี
เอ็มอาร์อาร์ (MRR) หรืออัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) เป็น 7.05% ต่อปี
ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับขึ้น 0.05-0.25% เงินฝากสะสมทรัพย์ เป็น 0.60% ต่อปี เงินฝากประจำ 3 เดือน เป็น 0.95% ต่อปี เงินฝากประจำ 6 เดือน เป็น 1.05% ต่อปี เงินฝากประจำ 12 เดือน เป็น 1.35% ต่อปี เงินฝากประจำ 24 เดือน เป็น 1.75% ต่อปี และเงินฝากประจำ 36 เดือน เป็น 1.90% ต่อปี ส่วนเงินฝากสะสมทรัพย์ e-Saving วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท 1.50% ต่อปี และวงเงินส่วนที่เกิน 1 ล้านบาท 0.60% ต่อปี
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 2,206 ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ผู้นำจีน เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติเตรียมพร้อมรับมือ “สถานการณ์เลวร้ายที่สุด” ซึ่งเป็นภัยคุกคามจากภายในและภายนอกประเทศ
“เรากำลังเผชิญกับปัญหาที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในด้านความมั่นคงแห่งชาติ ทำให้เราต้องมีแนวคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด และเตรียมพร้อมรับมือการทดสอบจากคลื่นลมแรงในทะเลที่ปั่นป่วน” ปธน.สี กล่าว!!
เรื่องที่ 2,207 สายการบินแอร์นิวซีแลนด์ (Air New Zealand) เตรียมขอความร่วมมือผู้โดยสาร ให้ชั่งน้ำหนักตนเองก่อนขึ้นเครื่องบิน สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อประหยัดเชื้อเพลิงแอร์นิวซีแลนด์ระบุว่า ในอีกไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้ สายการบินจะขอความร่วมมือจากผู้โดยสารมากกว่า 10,000 คนที่เดินทางในเที่ยวบินระหว่างประเทศ ให้เข้าร่วมการชั่งน้ำหนักผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่องบิน แอร์นิวซีแลนด์ระบุว่า นักบินจำเป็นต้องรู้น้ำหนักและความสมดุลที่ตัวเครื่องบรรทุกอยู่ ก่อนขึ้นบินในแต่ละครั้ง
การประกาศดังกล่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่การเดินทางระหว่างประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว หลังจากการยกเลิกมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 โดยสายการบินระบุว่า “ปัจจุบัน การเดินทางระหว่างประเทศเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง ถึงเวลาแล้วที่ผู้โดยสารระหว่างประเทศจะต้องชั่งน้ำหนัก” อนึ่ง แอร์นิวซีแลนด์ไม่ใช่สนามบินแรกที่ขอชั่งน้ำหนักผู้โดยสารก่อนขึ้นบิน
ทั้งนี้ สายการบินฟินแอร์ (Finnair) ของฟินแลนด์เริ่มชั่งน้ำหนักผู้โดยสารในปี 2560 โดยมีจุดประสงค์เพื่ออัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับน้ำหนักผู้โดยสารโดยเฉลี่ย
เรื่องที่ 2,208 สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่า บริษัทมากกว่า 88,000 แห่ง ในเวียดนาม ปิดกิจการในช่วง 5 เดือนแรก ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและขายอสังหาริมทรัพย์
นายเหงียน ฉิ สุง รมต.การวางแผนและการลงทุนให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์วีโอวี (VOV) ของรัฐบาลเวียดนามซึ่งรายงานเมื่อวันพุธ (31 พ.ค.) ว่า “ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงได้รับผลกระทบหนักที่สุด เนื่องจากจำนวนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ปิดกิจการในปี 2565 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 42.4% จากปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 47.1% ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566”
กระทรวงการก่อสร้างระบุว่า ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 เวียดนามพบว่าจำนวนบริษัทใหม่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ลดลงเป็นประวัติการณ์ที่ 63% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ การปิดกิจการถาวรในภาคส่วนนี้เพิ่มขึ้น 30% และจำนวนบริษัทที่ปิดกิจการชั่วคราวเพิ่มขึ้น 61% ในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ถูกบังคับให้ลดขนาดการดำเนินงานและลดพนักงาน โดยประมาณ 30 – 50% ของบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ปิดกิจการชั่วคราวหรือหยุดดำเนินการในไตรมาสแรก เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4/2565
ทั้งนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ประสบปัญหาในการระดมทุน ทั้งจากสินเชื่อธนาคารและพันธบัตรบริษัท ซึ่งนำไปสู่โครงการที่ชะงักงันตั้งแต่ปีที่แล้ว
โดยนพวัชร์