ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 29-30 มี.ค.2566
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่น กำลังเตรียมตัวกลับประเทศไทย พร้อมติดคุกเพื่อแลกกับการได้อยู่กับครอบครัว เพราะเห็นว่าการที่ไม่ได้อยู่กับครอบครัว และต้องอยู่ในต่างประเทศ เป็นเวลานาน ก็เหมือนการติดคุกอยู่แล้ว
เรื่องที่ 1,923 ทักษิณ เลือกไทม์ไลน์ในการสื่อสารใกล้วันเลือกตั้ง แน่นอนเป็นความพยายามให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ โดยอาศัยความน่าสงสาร เรียกคะแนนเสียงจากแฟนคลับเพื่อไทยให้เลือกอุ๊งอิ๊ง อย่างถล่มทลาย
แต่กระนั้น ข้อเสียของการออกมาพูดถึงเรื่องกลับบ้านในช่วงนี้ก็ยังมีอยู่ เพราะจะกลายเป็นเป้าให้ฝ่ายตรงข้างหยิบยกขึ้นมาโจมตี
เช่นครั้งหนึ่งเคยมีวาทกรรม “ไม่เลือกเราเขามาแน่” ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จนทำให้ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ต้องแพ้พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่โพลนำมาตลอด
ครั้งนี้ก็เช่นกัน หากฝ่ายตรงข้ามสามารถปลุกกระแส “ผีทักษิณ” ขึ้นมาได้ นอกจากจะไม่แลนด์ไสด์แล้ว เห็นทีพรรคเพื่อไทย ก็จะไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล แน่นอน นั่นหมายถึงการปิดประตูไม่ให้ทักษิณ ได้กลับบ้านไปโดยปริยาย
เรื่องที่ 1,924 ประเทศไทยมักจะมีอะไรที่แปลกอยู่เสมอ โดยหากย้อนกลับไปเมื่อวันที่นายกบิ๊กตู่ประกาศยุบสภา (20 มี.ค. 23) ได้มีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ต้องบอกว่าสำคัญแบบแปลกๆแฝงอยู่ด้วย เพราะในวันนั้น บริษัทยักษ์เอกชนทางด้านพลังงานได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า PPA โครงการเขื่อนปากลาย (29 ปี) และก่อนหน้านี้ได้มีการลงนาม PPA โครงการเขื่อนหลวงพระบาง (35 ปี)
ความแปลกอยู่ที่ตรงไหนคุณผู้อ่านคงสงสัย เพราะมันก็แค่เป็นการทำธุรกิจ แต่ถ้าเราไปดูที่เว็บไซด์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งระบุข้อมูลสถิติไว้ชัดว่า
ณ วันที่ 31 ม.ค. 2566 กำลังผลิตรวมทั้งระบบ 49,114.80 เมกะวัตต์ ความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุด เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2566 มีค่าเท่ากับ 25,895.60 เมกะวัตต์ ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา 1,229.10 เมกะวัตต์ หรือลดลง 4.53%
กล่าวก็คือไทยเรามีไฟฟ้าล้นระบบ ค่าไฟฟ้าก็แพงขึ้นตลอด รู้สึกกันได้ทุกครัวเรือน แล้วรัฐยังทำสัญญาผูกพันกับเอกชน โครงการเขื่อนแห่งใหม่บนแม่น้ำโขงทำมะเขือเทศอะไรไม่ทราบขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 1,925 สุดท้าย กนง.ก็ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1.75% เพื่อชะลอการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อ แม้จะอยู่ระดับทรงตัว แต่ยังสูงเมื่อเทียบกับเป้าหมายของกรอบเงินเฟ้อปีนี้อยู่ที่ 2.9% และ 2.4% ในปีหน้า แต่ยังโชคดี ที่เศรษฐกิจไทยได้รับแรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อการจ้างงานของแรงงานไทย และรายได้ที่เพิ่มขึ้น แถมยังส่งผลดีไปถึงภาคบริการของเอกชนอีกด้วย จึงตั้งเป้าเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.6% และปีหน้าอยู่ที่ 3.8% เอาเป็นว่าพวกเราต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยสูงขึ้น แต่ก็ยังดีเมื่อเทียบกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและผลกระทบจากโควิดเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา คงไม่มีแล้ว ปีนี้เผาหลอก ปีหน้าเผาจริง เหลืออยู่แต่ความจริง รายได้หด ต้นทุนสูงขึ้น คนรวยอยู่รอด คนจนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
เรื่องที่ 1,926 สุดท้ายช้างศึก U23 ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์อันดับ 3 ของฟุตบอล DOHA CUP 2023 หลังไทยพ่ายแพ้ให้กับคูเวต 1-0 ประตู แต่หลังจากผู้หลับผู้ใหญ่ เห็นฟอร์มช้างศึก U23 แล้ว ต่างประทับใจ พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ “บิ๊กหยิม-ยุทธนา หยิมการุณ” หลังจากนี้ไป ต้องวิ่งวุ่นอีกหลายตลบ ทั้งในเรื่องของการจัดการทีม การฝึกซ้อม และงบประมาณ เพื่อสร้างกำลัง จากช้างศึก U23 เป็นช้างศึกทีมชาติไทยในอนาคต
โดยนพวัชร์