ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 7-8 ก.พ.2566
ท่าทีของ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังแสดงออกถึงการไม่รู้หนาวรู้ร้อนกับกรณีสภาล่มรายวัน
เรื่องที่ 1,785 พล.อ.ประยุทธ์ ยังมองว่าเรื่องสภาล่มนั้น ไม่เกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรี คือฝ่ายบริหาร ไม่ได้ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ อีกทั้งตนเองยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดในสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ จึงไม่เห็นมีความจำเป็นจะต้องแก้ไขปัญหาสภาล่มด้วยตัวเอง
จะว่าไปแล้วผู้นำฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติมีความเชื่อมโยงกันโดยตรง ก่อนหน้านี้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้บัญญัติให้นายกรัฐมนตรี ต้องมาจากการเป็น ส.ส. เพื่อให้อำนาจทั้ง 2 ส่วนมีความเชื่อมโยงกัน
ในประเทศที่พัฒนาแล้วผู้นำฝ่ายบริหาร จะให้ความสำคัญกับงานของสภาเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าสภาซึ่งมี ส.ส.ทำงานอยู่นั้น เป็นตัวแทนของประชาชน อย่างเรื่องการตอบกระทู้ ผู้นำฝ่ายบริหารมักจะไปตอบด้วยตนเอง เพราะถือเป็นการชี้แจงต่อประชาชน
งานของสภากับงานของรัฐบาลนั้น มีความเชื่อมโยงกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถามว่าถ้าปล่อยให้สภาล่มทุกวันกฎหมายของรัฐบาลจะผ่านไปได้อย่างไร
ถ้ากฎหมายไม่ผ่าน ก็แสดงว่ารัฐบาล ไม่สามารถผลักดันนโยบายได้ เมื่อไม่สามารถผลักดันนโยบายได้ ก็แสดงว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน
เรื่องที่ 1,786 เพิ่งเขียนถึงบมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ (OR) ไปหมาดๆ ว่ามีกลยุทธ์การลงทุนที่แตกต่างจากผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมันในประเทศไทยรายอื่น วันนี้ (7 ก.พ. 66) บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตทม.สผ.(PTTEP) เล่นใหญ่ ประกาศอัดเงินลงทุนกว่า 1.6 แสนล้านบาท ในแผน 5 ปี (66-70) เพื่อขยายการลงทุนธุรกิจใหม่รองรับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน
“อรชร อุยยามะพันธุ์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการเงิน ปตท. สผ. ระบุว่า ตั้งเป้าให้มีสัดส่วนกำไรจากธุรกิจใหม่ไม่น้อยกว่า 20% ในปี 2573 โดยบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาและพัฒนาธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจไฟฟ้า อย่าง Gas to Power, LNG to Power, Renewable เป็นต้น รวมถึงธุรกิจ CCS ธุรกิจการดักจับคาร์บอนและการใช้ประโยชน์ (Carbon Capture and Utilization หรือ CCU) ธุรกิจไฮโดรเจนสะอาด รวมทั้งการต่อยอดเทคโนโลยีที่บริษัทกำลังพัฒนาอยู่ไปสู่ธุรกิจเชิงพาณิชย์
เรียกว่าเมื่อเหลือบตาไปมองแผนในการลงทุนครั้งนี้ ต้องบอกเลยว่าเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใสในอนาคตอันใกล้นี้ มองการณ์ไกลได้สมกับเป็นกลุ่มบริษัทของยักษ์ใหญ่แห่งวงการพลังงานของประเทศไทยจริงๆขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 1,787 ม้าด่วนรายงานล่าสุด “ฉัตรชัย ศิริไล” เอ็มดี ธอส.จะย้ายไปธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วันที่ 26 มี.ค.นี้ หลังจากเอ็มดี “พี่หมู-ธนารัตน์ งามวลัยรัตน์” นั่งโต๊ะทำงานถึงวันศุกร์ที่ 24 มี.ค.วันสุดท้าย ก่อนที่จะอำลาจากธนาคาร เนื่องจากอายุ 60 ปีพอดี ส่วนสาเหตุที่ “ฉัตรชัย” เข้านั่งทำงานที่ ธ.ก.ส.ตั้งแต่ไก่โห่ เนื่องจากต้องการประสานงานและเชื่อมรอยต่อระหว่างเอ็มดีคนเก่าและใหม่ ไม่ให้สะดุดครับผม
เรื่องที่ 1,788 งานนี้ ขอชื่นชม “เอ็ม-ชื่นชอบ คงอุดม” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงการ คลัง) ในฐานะเจ้าของไอเดียโครงการ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยมีประชาชนเข้ามาแก้ไขติดต่อกับธนาคารตลอดระยะเวลาในการจัดงานตั้งแต่เดือนก.ย.ถึงเดือนม.ค. รวมทั้งหมด 5 ครั้ง 34,000 รายการ คิดเป็นจำนวนเงิน 24,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ หนี้จากบัตรเครดิตมากที่สุด บัตรเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อรถยนต์ตามลำดับ โดยสามารถแก้ไขหนี้ได้ 9,600 ล้านบาท
แต่ยังมีลูกหนี้อีกจำนวนมากที่ไม่สามารถแก้ไขหนี้ ล่าสุด ตัวเลขลงทะเบียนแก้ไขหนี้ของ ธปท.มียอดลงทะเบียน 413,000 รายการ สามารถแก้ไขหนี้ได้ 50,000 รายการ และมีจำนวนมากกว่า 200,000 รายการที่ไม่สามารถแก้ไขหนี้ได้ เช่น ติดต่อไม่ได้ หรือมีประวัติผิดเงื่อนไข เป็นต้น
ดังนั้น “เอ็ม-ชื่นชอบ” จึงย้ำขอธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทั้ง 8 แห่ง และธนาคารพาณิชย์ดำเนินการแก้ไขหนี้อย่างจริงจัง ตามนโยบายของรัฐในการแก้หนี้ประชาชน เป็นวาระแห่งชาติ2565 ต่อเนื่องไปถึงปี2566
โดยนพวัชร์