ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 20-21 ม.ค.2566
ท่ามกลางความคึกคักของบรรยากาศการเตรียมความพร้อมก่อนเลือกตั้งของหลากหลายพรรคการเมืองในเวลานี้ เมื่อมองไปที่พรรคประชาธิปัตย์ กลับเจอแต่ความเงียบงัน
เรื่องที่ 1,736 ถึงเวลานี้พรรคประชาธิปัตย์ที่นำโดย “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชน์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขยับอย่างเชื่องช้า
เพราะในขณะทางพรรคการเมืองอื่นๆ ได้เตรียมจัดประชุมใหญ่กันอย่างครึกโครม มิหนำซ้ำยังเปิดตัวนโยบายอย่างยิ่งใหญ่ แต่กับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว มีเพียงการเปิดว่าที่ผู้สมัคร ซึ่งก็ไม่ได้มีความหวือหวาแต่อย่างใด
ความเคลื่อนไหวที่พอจะเป็นข่าวอยู่บ้างสำหรับพรคประชาธิปัตย์ คือ การจัดทัพทีมโฆษกพรรค นำโดย ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดพังงา และทีมรองโฆษกพรรค ประกอบด้วย ชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช รองเลขาธิการพรรค อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ศิริภา อินทรวิเชียร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กเยาวชน และสิทธิมนุษยชน
จุรินทร์ ยังแต่งตั้ง 3 รองโฆษกเลือดใหม่ คือ รองศาสตราจารย์ ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก อดีตผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ธนชาภา จันทวารา ผู้สมัคร ส.ส.อำนาจเจริญ คณะทำงานด้านสังคม เด็ก สตรี คนพิการ และ เมธี อรุณ ศิลปิน นักร้องนำวงลาบานูน ที่หันเข้าสู่เส้นทางการเมืองในฐานะผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส
นอกนั้น ยังไม่เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะมีอะไรน่าตื่นเต้น
เรื่องที่ 1,737 เห็นข่าวจากกระทรวงพลังงานข่าวนี้แล้ว บอกตามตรงเลยว่าเสมือนเป็นการหลอกให้ดีใจแล้วค่อยเชือดทิ้ง เมื่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ได้มีการพิจารณาทบทวนแนวทางการกำหนดราคาก๊าซหุมต้ม หรือ LPG โดยประเด็นแรกอ่านแล้วก็รู้สึกดีใจไปด้วยกับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เมื่อทาง กบง.เห็นชอบให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น LPG ที่ 19.9833 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยมีกรอบเป้าหมายเพื่อให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มครัวเรือนอยู่ที่ประมาณ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ต่อไปอีก 1 เดือน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 -28 ก.พ. 2566
แต่พออ่านต่อไปอีกต้องถึงกับสะดุ้งโหยง เพราะเหมือนเป็นการกระชากอารมณ์ที่กำลังปลื้มปริ่มให้ดิ่งลงกะทันหัน เมื่อคณะ กบง. มีมติปรับราคาขายปลีก LPG เพิ่มอีก 15 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ในเดือนมี.ค. โดยจะปรับเป็นราคาขายปลีก 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม มีผลตั้งแต่ 1 -31 มี.ค. 2566 เรียกว่ามี 2 อารมณ์ใน 1 ข่าว ถ้าอ่านไม่ดีก็คงจะเห็นแต่ภาพที่ดี แต่แอบแผงข่าวร้ายของประชาชนไว้ด้วย ไม่รู้ว่าต่อไปอะไรจะปรับราคาขึ้นอีกน๊ออออออ เกิดเป็นคนไทยยุคนี้ต้องสตรองกันจริงๆครับผม
เรื่องที่ 1,738 สุดยอดของความขยัน ต้องยกนิ้วโป้งมอบให้ รมว.คลัง “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 16-19 ม.ค.2566 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส เสร็จสิ้น วันนี้ วันที่ 20 ม.ค. รมว.คลัง ก็เดินทางมาจังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ : มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” เป็นครั้งที่ 4 และทุกครั้ง ก็ไปเป็นประธานเปิดงาน เรียกว่า “สร้างขวัญและกำลังใจกับทีมแบงก์รัฐอย่างมาก” และครั้งที่ 5 นี้ จะเป็นครั้งสุดท้าย จัดขึ้นที่อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ช่วงปลายเดือนม.ค.นี้
ไม่ต้องถาม “ขุนคลัง” จะไปหรือไม่ แต่ถามว่า นักข่าวจะไปหรือไม่ ดีกว่า!!
อีกสักนิด!! ไม่คุยโม้นะ ขุนคลังบอกว่า ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา “งานมหกรรมแก้หนี้ฯ” มีประชาชนลงทะเบียนขอแก้ไขหนี้กว่า 4.5 แสนราย คิดเป็นเงินจำนวนกว่า 1 แสนล้านบาท และในจำนวนนี้ แก้หนี้ไป 50% หรือครึ่งหนึ่งของยอดหนี้ทั้งหมด สุดๆ ไปเลย!!
เรื่องที่ 1,739 เป็นห่วงกันทั้งกระทรวงการคลัง เมื่อมีข่าวเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต รีดไถเงินผู้ประกอบการอีกแล้ว ซ้ำรอยประเด็นคดี “รีดน้ำส้ม” สมัย “อธิบดีบัด-ลวรณ แสงสนิท” เป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต ก่อนจะย้ายมาเป็นอธิบดีกรมสรรพากร ล่าสุด “ปลัดพี่ตู่-กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ต่อสายตรงถึง “อธิบดีเอก-เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” ระมัดระวังเรื่องพวกนี้ให้ดี “อธิบดีเอก” ขานรับ!! สั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงยกก๊วน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างเด็ดขาด
หวังว่า กรมดีๆ อย่างสรรพสามิต “ผ้าจะไม่เปื้อนสี!!”
โดยนพวัชร์