ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 7-8 พ.ย.2565
มีสัญญาณบางอย่างบ่งบอกว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย เกิดความไม่มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า จะชนะขาดแบบแลนด์สไลด์อย่างที่คาดหวัง
เรื่องที่ 1,540 หนึ่งในสัญญาณนี้มาจากการให้สัมภาษณ์ของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเอง ว่าพร้อมจับมือกับทุกพรรค รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย
โดยท่าทีดังกล่าวดูสวนทางกับสิ่งที่พรรคเพื่อไทยประกาศจะชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ เพราะถ้าแลนด์สไลด์จริง ก็ไม่มีความจำเป็นต้องหันไปพึ่งพาอาศัยพรรคการเมืองขั้วตรงข้ามเพื่อจะได้เป็นรัฐบาล
มองกันว่าความไม่มั่นใจนี้ มาจากการเคลื่อนเกมอย่างหนักของพรรคภูมิใจไทย ที่ลงทุนดูด ส.ส.มากหน้าหลายตาไปอยู่ร่วมพรรค หวังว่าการเลือกตั้งรอบหน้าจะได้เก้าอี้ ส.ส.อย่างเป็นกอบเป็นกำ
บวกกับกระแสของพรรคก้าวไกล ร้อนแรงในหลายพื้นที่ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งหน้าก้าวไกล ไม่เพียงแต่หวัง ส.ส.บัญชีรายชื่อ หากแต่ต้องการเป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็งด้วยการมี ส.ส.เขต
เหตุเหล่านี้ย่อมทำให้พรรคเพื่อไทย หวาดผวาบ้างเป็นธรรมดา
เรื่องที่ 1,541 วันนี้ (7 พ.ย.65) มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยมี “บิ๊กตู่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งมีการพิจารณาไปถึงสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างสหพันธรัฐรัสเซียและประเทศยูเครนที่ยังไม่มีข้อยุติ โดยที่กรณีดังกล่าวส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ในตลาดโลกมีความผันผวน และปรับตัวขึ้นในระดับสูง ขณะที่ค่าเงินบาทก็อ่อนค่าซ้ำเติมลงไปอีก
แต่ผลการประชุมที่ออกมาหากให้พูดตามความรู้สึกส่วนตัวก็เหมือนไม่มีการประชุมมากกว่าด้วยมติที่ออกมา เช่น เห็นชอบมาตรการบริหารจัดการพลังงานในสถานการณ์วิกฤตราคาพลังงานในช่วงเดือนต.ค.– ธ.ค.2565 อาทิ เช่น มาตรการตามแนวทางการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ปี 2565 การจัดหาพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติมจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงมาตรการขอความร่วมมือในการประหยัดพลังงานในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม และเร่งรัดการอนุมัติ/อนุญาตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) เป็นต้น โดยมองว่าการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวจะสามารถประมาณเทียบเท่าการลดการนำเข้า Spot LNG
นอกจากนี้ ยังให้สำนักงาน กกพ. ,กฟผ. ,กรมธุรกิจพลังงาน ,กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ,ปตท และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เร่งดำเนินมาตรการ แต่เน้นย้ำให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เห็นแล้วไม่ได้รู้สึกอุ่นใจอะไรขึ้นมาเลยสักนิด เพราะมองแล้วไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ ประชาชนตาดำๆที่เวลานี้ค่าครองชีพสูงปรี๊ดเค้ารอมาตรการที่ทำแล้วเห็นผล ช่วยพวกเค้าได้แน่นอนอยู่นะครับผม
เรื่องที่ 1,542 คดีโตโยต้าพรีอุสเลี่ยงภาษีศุลกากรมูลค่า 7,000 ล้านบาท สรุปสุดท้าย โตโยต้ายอมจ่าย เพื่อป้องกันความเสียหาย ดังก้องโลก โดยไม่ปริปากแม้แต่คำเดียว ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรปัจจุบันเกษียณไปเกือบหมดแล้ว ที่ดำเนินคดีในยุคนั้น ประมาณ 15 ไม่เกิน 20 คน รวมถึงอธิบดีรับเงินสบายๆเข้ากระเป๋า คนละ 30 ล้านบาท รวมเป็นเงินไม่มากไม่น้อยแค่ 600 ล้านบาท นี่คือโทษของการหลบภาษี ภายใต้กฎหมายเก่า แต่ถ้าเป็นกฎหมายปัจจุบัน จะหนีภาษีเท่าไหร่ก็เสียค่าปรับไม่เกิน 5 ล้านบาท ทำให้การจับกุม ผู้เสียภาษีล็อตใหญ่ ตัวอย่างเช่น โตโยต้าพรีอุส ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงเกิดข้อสงสัยว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากรหมดแรงจูงใจในการตรวจสอบผู้เสียภาษีใช่หรือไม่ หลังจากเงินรางวัลนำจับลดลงอย่างพรวดพราด กลายมาเป็นอำนวยความสะดวกแทน
เรื่องที่ 1,543 ไม่ได้เจอกันนาน “พี่คณิศ คณิศ แสงสุพรรณ” ยังคงวนเวียนอยู่กับ EEC ล่าสุดต้องไปช่วยกระทรวงต่างประเทศ เปิดโต๊ะการเจรจาการลงทุนกับซาอุดิอาระเบีย หลังจากที่ไทยฟื้นความสัมพันธ์ในรอบ 32 ปี เมือเดือนม.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลซาอุดิอาระเบียให้ความสนใจลงทุนในกิจการหลายอย่าง ทั้งทางด้านพลังงาน ปิโตรเคมี และสุขภาพ คาดว่า จะมีเม็ดเงินลงทุน ภายในสิ้นปีนี้ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 400,000 ล้านบาทในคราเดียวกัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ “คณิศ” ผุด EEC มา 5 ปีมีเม็ดเงินลงทุน 400,000 ล้านบาท แต่ซาอุดิอาระเบีย มาโคมเดียว เท่ากับผลงาน EEC ในช่วงที่ผ่านมา งานนี้ต้องถือว่า “บิ๊กตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี” เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ดึงนักลงทุนจากโลกอาหรับมาลงทุนในประเทศไทยได้สำเร็จ ส่วนมูลค่าการลงทุน 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่าพึ่งตกใจว่าจะมาคราเดียวทั้งหมด เพราะ “พี่คณิศ” บอกว่า เป็นกรอบที่เขาจะลงทุน และพร้อมที่จะลงนามในปีนี้ ส่วนเม็ดเงินก็คงทยอยมาจากนี้ไป
โดยนพวัชร์