ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 2-3 ต.ค.2565
จับตาการปรับเปลี่ยนตำแหน่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลัง บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
เรื่องที่ 1,438 เพราะหากนับเวลาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ มีเวลาทำงานอีก 6 เดือน ก่อนครบเทอม เชื่อว่าการปรับ ครม. จะเป็นเรื่อง ที่จะต้องทำอย่างเร่งด่วน นับจากนี้
โดยขณะนี้มีรัฐมนตรีว่างอยู่ 4 ตำแหน่ง 1) รมช.เกษตรและสหกรณ์ หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ สั่ง ปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไปตั้งแต่ปลายปี 2564 2)รมช.แรงงาน หลังจากปลด นายนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ไปพร้อม ร.อ.ธรรมนัส 3)รมช.มหาดไทย หลังจากนายนิพนธ์ บุญญามณี ลาออกไปทั้งแต่เดือนส.ค. 4)รมช.ศึกษาธิการ หลังศาลฏีกา สั่ง นางสาวกนกวรรณ วิลาวัลย์ หยุดปฏิบัติหน้าที่
และแน่ว่า นับจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเจอกับแรงกดดันจากพรรคพลังประชารัฐ บีบให้มีการปรับ ครม.เพราะตำแหน่งรัฐมนตรีในส่วนของพรรค พปชร.ว่างอยู่ถึง 2 ตำแหน่ง รวมของพรรคร่วมรัฐบาลแล้วเป็น 4 ตำแหน่ง แม้กรณีของ นางสาวกนกวรรณ จะเป็นการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวก็ตาม แต่เชื่อว่าต้นสังกัดอย่างพรรคภูมิใจไทย ก็พร้อมหาคนมาแทน
นอกจากนี้ เมื่อไม่นานมานี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังออกมาบอกว่า พร้อมมากสำหรับการปรับ ครม. ขอเพียง พล.อ.ประยุทธ์ ส่งสัญญาณมาเท่านั้น
เรื่องที่ 1,439 พรุ่งนี้ (3 ต.ค.) ถึงเวลาที่ชาวดีเซลจะต้องลุ้นระทึกกันบ้างแล้ว หลังจากที่สบายใจเติมน้ำมันราคา 34.94 บาท หรือ 35 บาทต่อลิตรมาเป็นเวลานานกว่า 16 สัปดาห์ เพราะมาตรการช่วยคนละครึ่งระหว่างรัฐบาล กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามมติเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ช่วยกันอุดหนุนราคาดีเซลในส่วนที่สูงเกินกว่า 35 บาทต่อลิตร แต่เวลานี้มาตรการดังกล่าวที่เคยใช้อยู่ได้สิ้นสุดลงไปเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ
ส่วนหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น “พรชัย จิรกุลไพศาล” ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) ในฐานะผู้ช่วยเลขาคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) กล่าวไว้ว่า ต่อไปจะพิจารณาทบทวนราคาขายปลีกดีเซลในประเทศตามความเหมาะสมด้วยดุลยพินิจของ กบน. เอง นั่นก็หมายความว่า หากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ราคาดีเซลที่จำหน่ายในประเทศก็มีโอกาสจะทะลุ 35 บาทต่อลิตรไปได้ แต่ในทางกลับกันหากราคาน้ำมันตลาดโลกลง ราคาดีเซลก็อาจจะต่ำกว่า 35 บาทต่อลิตรได้เช่นเดียวกัน
หากมองกันที่โลกความเป็นจริงแล้วก็ต้องถือว่าแฟร์ดีหรือเปล่าล่ะครับ เพราะผู้ที่เค้าต้องเติมเบนซิน แก๊สโซฮอล์พวกเค้าก็ไม่ได้รับความช่วยเหลืออะไร มิหนำซ้ำยังมีส่วนเติมน้ำมันแพงไปช่วยดีเซลอีกในช่วงที่ผ่านมา การปล่อยให้เป็นไปตามกลไกลของตลาดก็น่าจะยุติธรรมไหมครับ แค่ความเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะครับ
โดยนพวัชร์