ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 25-26 ก.ย.2565
วันที่ 26 ก.ย. จับตาพรรคชาติพัฒนา จัดการประชุมใหญ่สามัญของพรรค ที่ จ.นครราชสีมา โดยมีวาระที่จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา อาทิ การเลือกกรรมการบริหารพรรคในตำแหน่งที่ว่าง การพิจารณาเตรียมพร้อมเลือกตั้ง ส.ส.ที่ใกล้จะมาถึง
เรื่องที่ 1,426 ไฮไลท์อยู่ที่ “กรณ์ จาติกวณิช” สมาชิกพรรคชาติพัฒนา และทีมงานจะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวด้วย โดยที่ประชุมอาจเลือก “กรณ์” ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค
หรือไม่ก็อาจยกตำแหน่งสำคัญๆอื่นๆให้กับ “กรณ์” โดยมองว่า ตำแหน่งหัวหน้าพรรค ยังควรเป็นของคนในครอบครัว “ลิปตพัลลภ” ซึ่งมีฐานเสียงที่แข็งแกร่งอยู่ในโคราช
ก่อนหน้านี้ ได้ข่าวว่า จะมีการเปลี่ยนชื่อพรรคด้วย โดยอาจนำเอาชื่อของพรรคชาติพัฒนาและพรรคกล้ามารวมกัน ซึ่งทั้งหมดจะมีความชัดเจนในวันที่ 26 ก.ย. 65
อย่างไรก็ตาม นี่นับเป็นก้าวสำคัญของพรรคชาติพัฒนา ที่ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” หมายมั่นจะให้เป็นพรรคการเมืองที่แข็งแกร่งเหมือนกับในอดีต ที่ครั้งหนึ่ง พรรคการเมืองนี้ เคยมีนายกรัฐมนตรีชื่อ “พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ” มีนโยบายสร้างชื่ออย่าง “เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า”
รุ่งเรืองจนถึงขนาดที่มีการคาดหมายโดยทั่วไปว่าประเทศไทยจะเป็น “เสือตัวที่ 5” ของเอเชีย ต่อจาก “4 เสือเศรษฐกิจของเอเชีย” คือ เกาหลีใต้ ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน
เรื่องที่ 1,427 สัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดเหตุสารเคมีรั่วไหลจากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดนครปฐม โดยจากการตรวจสอบพบว่าจุดเกิดเหตุมาจากบริษัท อินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นโรงงานประกอบกิจการ ผลิตเส้นใยและเม็ดพลาสติก PET ตั้งอยู่บนที่ดิน 90 ไร่ มีกำลังผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์ 120,000 ตันต่อปี และเม็ดพลาสติกรีไซเคิล 29,000 ตันต่อปี
อย่างไรก็ดี จากการลงพื้นื่ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือกรอ. บริเวณโรงงานและรอบๆ โรงงานรัศมี 1 กิโลเมตร พบค่าสารเบนซีน ไม่เกิน 1 ppm ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ที่ต้องไม่เกิน 5 ppm พร้อมทั้งเก็บ ตัวอย่างน้ำจากลำน้ำสาธารณะ รัศมี 10 กิโลเมตร รอบโรงงานเพื่อตรวจวัดหาค่าสารปนเปื้อนด้วยแล้ว โดยมีคำสั่งให้ปิดโรงงานเป็นการชั่วคราว ถ้าตรวจสอบโดยละเอียดเรียบร้อย และทราบสาเหตุแห่งการรั่วไหลชัดเจน พร้อมทั้งมีการแก้ไข จนเกิดความปลอดภัยได้มาตรฐานแล้ว จึงจะสามารถดำเนินการต่อไปได้
อย่างไรก็ตามประเด็นที่สำคัญของงานนี้ไม่ได้อยู่ที่การรั่วไหลของสารเคมีเพียงอย่างเดียว ประเด็นดราม่าน่าจะอยู่ที่การทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งดูเหมือนจะพยายามแย่งซีนเด่นกัน โดยอย่างที่เราทราบกันดีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงก็คือ กรอ. ซึ่งมีหน้าที่ต้องลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะถูกขโมยซีนด้วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ชิงลงพื้นที่และออกเพรสข่าวมาให้สื่อมวลชนก่อน หลังจากนั้น กรอ.จึงส่งเพรสข่าวตามมา ทำให้สื่อมวลชนเกิดความสับสนว่า ตกลงแล้วจะให้ใช้ข้อมูลจากที่ใดกันแน่ ทั้งที่ความจริงแล้วประเด็นที่สำคัญที่สุดน่าจะคือ เรื่องความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ไม่ใช่มาแข่งกันเอาหน้านะครับผม ฝากไว้ให้คิด
โดยนพวัชร์