ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 27-28 ก.ค.2565
ตลกร้ายการเมืองไทย ล่าสุดที่ประชุมรัฐสภา มีมติให้คณะกรรมาธิการนำกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.กลับไปพิจารณาใหม่ หลังจากเห็นว่าสูตรการหาร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้วย 500 นั้น อาจมีปัญหาตามมาอีกมากมาย
เรื่องที่ 1,280 เดิมทีคณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก เห็นเสนอให้ใช้สูตรการหาร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้วย 100 แต่เมื่อนำเข้ามาพิจารณาในชั้นของที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วย ส.ส.และ ส.ว.มีประชุมกลับมีมติไม่เห็นด้วยกับสูตรการหารด้วย 100 แต่ให้ใช้สูตรการหารด้วย 500 แทน
เรื่องควรจะจบแต่เพียงเท่านี้ แต่ว่าล่าสุดที่ประชุมรัฐสภา กลับไม่แน่ใจในมติดังกล่าว ว่าถูกต้องหรือไม่ จึงเสนอให้คณะกรรมมาธิการนำไปพิจารณาใหม่อีกรอบ ก่อนที่จะให้นำกลับมาเสนอรัฐสภาใหม่อีกครั้ง
ว่ากันว่ามีบางพรรคการเมืองทำเรื่องดังกล่าวให้วุ่นวาย เพื่อหวังไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งแบบใบเดียว
จึงเสนอกลับไปกลับมา ซึ่งสุดท้ายแล้ว เรื่องก็ต้องจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ
หากศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่าสูตรการหารด้วย 500 ไม่ถูกต้อง ก็เป็นไปได้ว่า จะมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ให้ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว
เรื่องที่ 1,281 กลับมาปรับขึ้นเป็นครั้งแรกแล้วในรอบของเดือน ก.ค. ส่งท้ายก่อนสิ้นเดือนกันเลยทีเดียวสำหรับราคาจำหน่ายในประเทศของน้ำมันเบนซิน และแก๊ซโซฮอล์ โดยวันพรุ่งนี้ (28 ก.ค.) ทั้งบมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ (OR) และบมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด 80 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งโออาร์ยังแถมปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลพรีเมี่ยมด้วยอีก 80 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาเบนซินจะขยับไปอยู่ที่ น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ลิตรละ 45.26 บาท ,แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 37.85 บาท ,แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 37.58 บาท ,แก๊สโซฮอล์ E20 ลิตรละ 36.74 บาท และแก๊สโซฮอล์ E85 ลิตรละ 33.34 บาท ส่วนดีเซลพรีเมี่ยมของโออาร์ขึ้นมาเป็น 47.16 บาท
การปรับขึ้นดังกล่าวไม่รู้ว่าจะเป็นการนำร่องผลิตภัณฑ์ทางด้านพลังงานหรือไม่ เพราะอย่างที่รู้กันว่าวันนี้ (27 ก.ค.) คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ก็มีการประชุมเพื่อพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปร หรือค่าเอฟที (Ft) ของงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. เป็นครั้งสุดท้าย โดยจากการสอบถามไปยังแหล่งข่าวที่ กกพ. ก็ยืนยันว่ามีการปรับขึ้นแน่นอนตามวิธีการคำนวณ 1 ใน 3 แนวทางที่เคยให้ภาคประชาชนแสดงความคิดเห็นเข้ามา แต่ยังไม่ขอบอกว่าขึ้นเท่าไหร่ และจะขอชี้แจงทีเดียวในการแถลงข่าวค่าเอฟทีที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 1 ส.ค.65 ที่จะถึงนี้ เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนของข้อมูลที่จะนำเสนอไปยังสาธารณะ หากเป็นภาษาหุ้นก็คงต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ตลาดรับรู้อยู่ก่อนแล้ว ไม่ได้ทำให้ตกใจแต่อย่างใด แค่จะทำให้เงินในกระเป๋าต้องมีภาระเพิ่มเท่านั้นเองครับผม
เรื่องที่ 1,282 “งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา” ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อถึงวันที่ 17 ส.ค.เดือนหน้า ผู้บริหารสูงสุดเช่น “พี่คณิศ-คณิศ แสงสุพรรณ” เลขาธิการ อีอีซี ถึงคราวต้องลุกจากเก้าอี้ ที่สร้างมากับมือตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา จากจินตนาการที่อยู่บนกระดาษเพียงไม่กี่ใบ กลายมาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีมูลค่าหลายล้านล้านบาท ทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภา รวมถึงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือมาบตาพุดเฟสใหม่ ทำให้หลายคนรู้สึกเสียดายและหวั่นวิตกว่า หากในวันนั้น ไม่มี “พี่คณิศ” หรือ “อาจารย์คณิศ” แล้ว โครงการอีอีซี จะยังเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ เรื่องนี้ คงต้องรอผลการพิสูจน์กันต่อไป
เรื่องที่ 1,283 ประเด็นนี้ ก็สำคัญ ล่าสุด “รมว.คลัง-อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งแรกหลังจากผ่านพ้นศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถึงเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 10 ส.ค.นี้ คงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่อัตราดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้นเป็นเท่าไหร่ 0.25% 0.50% หรือ 0.75% ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน จนกว่า กนง.จะตัดสินใจในท้ายที่สุด แต่ในฐานะ รมว.คลัง จึงได้ออกมาเตือนสตินายแบงก์ นายธนาคารว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ อยากเห็นธนาคาร โดยเฉพาะธนาคารเฉพาะกิจของรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่าช้าที่สุด หรือตรึงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ให้นานที่สุด เพราะจะช่วยเหลือลูกค้าได้ดีที่สุด แม้อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารเฉพาะกิจปล่อยกู้ในช่วงที่ผ่านมา จะมีกำไรน้อยที่สุด หรือบางเฉียบแล้วก็ตาม
เรื่องที่ 1,284 ขอเขียนสั้นที่สุด ส่วนจะเข้าใจหรือไม่ ต้องรอเฉยวันต่อไป เพราะมีข่าวดีว่า “ศุลการักษ์ รุ่น 20” ที่เหลือกันอยู่ประมาณ 30 คนนั้น มีหนึ่งในนั้น กำลังลุ้นตำแหน่งอธิบดีที่วางลงในปีงบประมาณ2565 ส่วนจะเป็นกรมไหน หรือเดินตามรอยรุ่นพี่ รุ่นที่ 18 “บิ๊กหยิม-ยุทธนา หยิมการุณ” หรือไม่ อีกไม่นานเกินรอครับ!!
โดยนพวัชร์