ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 16-17 พ.ค.2565
“โค้งสุดท้ายเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.มีความพยายามจากฝ่ายที่ไม่เอา “ทักษิณ ชินวัตร” เชิญชวนแนวร่วม ผนึกกำลังเลือกผู้สมัครเบอร์เดียวกัน โดยเชื่อว่าจะเป็นหนทางเดียว ที่ผู้สมัครขั้ว “ทักษิณ ชินวัตร” จะไม่สามารถชนะการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ได้”
เรื่องที่ 1,101 สำหรับขั้วที่อยู่ตรงข้างทักษิณ ชินวัตร ประกอบด้วยผู้สมัคร 4 คน คือ “สกลธี ภัททิยกุล” ผู้สมัครอิสระ “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้สมัครอิสระ และ “รสนา โตสิสกุล” ผู้สมัครอิสระ
โดยในจำนวนนี้ ผู้ที่ได้รับคะแนนความนิยมสูงสุดคือ “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” และยังได้รับการสนับสนุนจาก บิ๊กรัฐบาล อย่าง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ด้วย
ดังนั้น จึงมีความพยายามชูแคมเปญ เทคะแนนให้ “พล.ต.อ.อัศวิน” เพราะถือว่าได้คะแนนความนิยมจากทุกโพลมากที่สุดในบรรดาผู้สมัครขั้วตรงข้ามทักษิณ
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “เพื่อสู้กับระบอบทักษิณจำแลง ถึงเวลาที่พวกเราต้องตัดสินใจ เหลือเพียงหนึ่งเดียว ไม่มีเวลามาบอกว่าใครดีกว่าใครแล้วครับในวันนี้ เราต้องตัดสินใจเลือกคนที่มีโอกาส ชนะระบอบทักษิณจำแลงมากที่สุด นั่นคือดูจากผลโพล ที่เชื่อถือได้ที่สุดคือนิด้าโพล ใครมีคะแนนที่สูงสุดและจะชนะ ก็ควรเทให้พวกเราคนนั้น ดูผลโพลล่าสุดแล้ว พวกเราควรเลือกคุณอัศวินเบอร์ 6 ครับ”
ด้าน ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย โพสต์ข้อความเชิงตัดพ้อ ว่า “อีก 6 วัน สิ่งที่กังวลจะเกิดขึ้นเป็นความจริงเชิงประจักษ์ ถึงเวลานั้น ไม่ต้องต่อว่าใคร เพราะสลิ่มไม่อาจตกลงกันได้ ลองหยั่งเสียงดู คำตอบที่ได้ เห็นชัดว่าเสียงแตก”
ลุ้นกันอีกต่อไป วันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค.นี้ อย่าลืมไปเลือกผู้ว่า กทม.นะครับ
เรื่องที่ 1,102 เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ “สุพันธุ์ มงคลสุธี” อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่กระโดดเข้าสู่เส้นทางการเมืองอย่างเต็มตัวภายใต้ชายคา “พรรคไทยสร้างไทย” ของหญิงหน่อย “สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานพรรคกับตำแหน่งที่น่าจะเข้าทางของอดีตประธาน ส.อ.ท. อย่างหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะปัจจุบัน “สุพันธุ์” เองก็มีตำแหน่งเป็นประธานสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (APEC Business Advisory Council : ABAC 2022) และประธานกิตติมศักดิ์ ส.อ.ท.
หัวหน้าทีมเศรษฐกิจป้ายแดงแห่งพรรคไทยสร้างไทย ประกาศลั่นกลางงานเปิดตัวว่า ต้องหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง มุ่งสร้างโอกาส สร้างรายได้ ลดรายจ่าย อุ้มคนตัวเล็ก โดยมีประโยคเด็ดสำคัญว่า “ต้องใช้คนเก่งๆ ทำงาน ต้องหยุดความขัดแย้ง หยุดการคอร์รัปชัน เพื่อสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย หากปล่อยปละละเลยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป ผมอาจสบาย แต่ลูกหลานผมจะลำบาก ผมกู้ไม่ต้องใช้อะไรค้ำประกัน คนตัวเล็กกู้ได้น้อย สู้รายใหญ่ไม่ได้ ดังนั้น ภาครัฐจะต้องเห็นคุณค่า SMEs และต้องทำให้เงินบาทอ่อนลง เพราะถ้าเศรษฐกิจดีคนก็ซื้อสินค้า แต่หากยังปล่อยสถานการณ์ให้เป็นเช่นนี้ ท้ายที่สุดจะเหลือคนเพียง 2 ประเภทคือ คนขาย กับ คนเสพยา” แค่เริ่มต้นยังเด็ดขนาดนี้ ชักอยากเห็นเสียแล้วว่าเส้นทางการเมืองของ “สุพันธุ์” จะไปได้สวยขนาดไหน หรือจะประสบความสำเร็จแบบเส้นทางของธุรกิจหรือไม่
เรื่องที่ 1,103 เช้าวันอังคารที่ 17 พ.ค.นี้ สศช.จะแถลงเรื่อง “รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2565 และแนวโน้มปี 2565” หลังจากที่กระทรวงการคลังแถลงเรื่องเดียวกันไปก่อนหน้านี้แล้วว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ จะขยายตัว 4% โดยมีช่วงคาดการณ์ระหว่าง 3.5-4.5% แนวโน้มดีขึ้นจากเดิมปีที่แล้ว ขยายตัวได้เพียง 1.2% ปี2563 ที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 เศรษฐกิจไทยติดลบ 6.1% ขณะที่ ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดไวรัส โควิด-19 เศรษฐกิจไทยปี2562 ขยายตัว 2.3% ถ้าสภาพัฒน์ฯ คาดการณ์ออกมาดีอย่างที่กระทรวงการคลังประเมิน เราจะได้เห็นเศรษฐกิจไทยปีนี้ ดีกว่า 2563 และดีกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกด้วย จริงหรือเปล่า!!
แต่มีข้อน่าสังเกตว่า ปี 2563 ราคาน้ำมันดีเซลและแก๊สโซฮอล์ ไม่ได้แพงลิบลิ่วอย่างในปัจจุบันแน่นอน รวมถึงน้ำมันปาล์ม และไข่ไก่ด้วยครับ
โดยนพวัชร์