ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 3-4 พ.ค.2565
“กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แต่งตั้ง “ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ” เป็นประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจทันสมัย แทน “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลาออกไปเพราะกรณีฉาว ถูกกล่าวหาลวงละเมิดทางเพศ
เรื่องที่ 1,063 “ดร.อิสระหรือบิล” เป็นนักการเมืองหนุ่มไฟแรง อายุ 37 ปี โดยปี 2562 เขารับตำแหน่ง ส.ส.สมัยแรก อยู่ในระบบบัญชีรายชื่อ ควบรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
“อิสระ” จบปริญญาตรี (เกียรตินิยม) สาขาวิศวกรรมเคมี จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ
ปริญญาโท สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ จากรามคำแหง และปริญญาเอก ด้านวิศวกรรมศาสตร์ จากอิมพิเรียลคอลเลจ ลอนดอน (Imperial College London (ทุนของสหภาพยุโรป)
เขามีประสบการณ์การทำงานร่วมกับองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิศวกรรมในต่างประเทศ
ก่อนเข้าสู่การเมือง “อิสระ” ยังรับช่วงบริหารธุรกิจของครอบครัว โดยได้ขยายกิจการและการลงทุนไปยังภาคพื้นยุโรป และตัดสินใจย้ายฐานการผลิตจากประเทศอิตาลีและประเทศโรมาเนียมายังประเทศไทย
“ดร.บิล” เพิ่งเข้าพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2561 โดยได้รับการยกเว้นในคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคฯ ครบ 5 ปี จึงจะมีสิทธิ์เป็นกรรมการบริหารพรรค
ในพรรคประชาธิปัตย์ เขาเดินตาม “ชวน หลีกภัย” ประธานที่ปรึกษาพรรคและประธานสภาผู้แทนราษฎร ดั่งเงาตามตัว จนได้รับการขนานนามว่า “อิสระเด็กชวน”
เรื่องที่ 1,064 หาเงินเท่าไหร่ก็คงจะไม่พอแล้วสำหรับเวลานี้ เมื่อราคาน้ำมันขยับขึ้นไม่หยุดแบบนี้ ล่าสุดพรุ่งนี้ (4 พ.ค.) ประขาชนตาดำๆอย่างพวกเราต้องเตรียมควักกระเป๋าเพิ่มอีกแล้ว หลังจากที่่ บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ (OR) และบมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด 60 สตางค์ต่อลิตร ขณะที่ดีเซลชนิดอื่นราคาคงเดิม โดยจะทำให้น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ขยับขึ้นเป็นลิตรละ 47.66 บาท, แก๊สโซฮอล์95 ลิตรละ 40.25 บาท, แก๊สโซฮอล์91 ลิตรละ 39.98 บาท, แก๊สโซฮอล์E20 ลิตรละ 39.14 บาท, แก๊สโซฮอล์ E85 ลิตรละ 33.44 บาท ขณะที่ ดีเซลพรีเมี่ยมขยับราคาขึ้นเป็นลิตรละ 39.46 บาท เรียกว่าราคาไปไกลชนิดกู่ไม่กลับเสียแล้ว ทั้งเบนซิน และดีเซลคราวนี้โดนกันถ้วนหน้า
ส่วนที่ “บ.ก.ชวนคุย” เคยแจ้งไว้ว่าสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) จะตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงรายละเอียดภายใต้หัวเข้า “สร้างความเข้าใจการปรับราคาน้ำมันดีเซล” ก็มีอันต้องพูกยกเลิกไปด่วนๆ สงสัยว่า คงไม่รู้จะชี้แจงยังไงให้ประชาชนไม่ด่าได้ซะละมั๊งเนี่ย ถอนหายใจ “เฮ้ออออออออ” แบบยาวๆ ไปจนถึงเชียงใหม่ก็ยังไม่รู้จะเพียงพอกับความเหนื่อยหน่ายและทุกช์ระทมเวลานี้ หรือเปล่า
เรื่องที่ 1,065 วันนี้ วันที่ 3 พ.ค.2565 เป็นอีกวันหนึ่งที่คนกระทรวงการคลัง ต้องจดจำ เพราะมี 2 เรื่องใหญ่ เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ตั้งแต่เช้า 09.00 น. ก่อนประชุม ครม. ลือสะพัดทั่วกระทรวงการคลัง คาดย้าย “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” จากอธิบดีกรมสรรพากร ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิตและตั้งแต่ “พี่บัด-ลวรณ แสงสนิท” อธิบดีกรมสรรพสามิต เป็นอธิบดีกรมสรรพากร เนื่องจาก “เอกนิติ” ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ครบ 4 ปี วันที่ 10 พ.ค.ที่จะถึงนี้
สุดท้ายก็เป็นจริง ดังที่ข่าวลือว่า!!
ล่าสุด คนกรมสรรพากรก็ยังรู้สึกหวั่นไหว เพราะไม่ค่อยมีใครรู้จักหรือคุ้นเคยกับ “อธิบดีบัด” แต่อีกหลายก็รู้สึกโล่งใจ เมื่อเห็น “อธิบดีเอก” พ้นจากกรมสรรพากร งานนี้ ต้องจับตาดูกันยาวๆ แม้ “เอกนิติ” จะขยับมานั่งทำงานในกรมเล็กและอายุน้อยกว่า “ว่าที่อธิบดีกรมสรรพากร” ท่านใหม่หลายปี แต่หากมองเรื่องอาวุโสทางตำแหน่งแล้ว โปรดทราบว่า คนที่นั่งเป็นอันดับ 2 ต่อจาก “ปลัดพี่ตู่-กฤษฎา จีนะวิจารณะ” คือ “เอกนิติ” หาใช่ใครที่ไหน ประการที่แรก
ประการที่ 2 เอกนิติ ผ่านงานกรมใหญ่สุดของกระทรวงการคลังมาแล้วถึง 4 ครบปี เต็มเพดานที่กำหนดถือว่า บรรลุตามเป้าหมายในตำแหน่งอยู่ไม่เกิน 4 ปี บริบูรณ์วันที่ 10 พ.ค.2565 การโยกย้าย ไม่ใช่เรื่องการลงโทษ หรือกรณีมีความผิดแต่อย่างใด
ประการที่ 3 การนั่งในตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิต แม้จะมียอดจัดเก็บรายได้เพียงปีละ 600,000 ล้านบาท เทียบไม่ได้กับกรมสรรพากรปีละ 2 ล้านล้านบาท มีเจ้าหน้าที่ทุกอำเภอทั่วประเทศกว่า 20,000 คน แต่ทุกคนในกระทรวงการคลังรู้กันดีว่า กรมนี้ แม้เก็บรายได้ได้น้อย แต่ Connection ยิ่งใหญ่มาก เพราะจัดเก็บภาษีผู้ประกอบการรายใหญ่ (ใหญ่มากๆ และใหญ่จริงๆ) ไม่กี่คนเท่านั้น
เพียงแค่ 3 ประการนี้ ถือว่า ปลัดพี่ตู่ และรมว.คลัง ยังรักษาคนดีให้อยู่ในกระทรวงการคลังได้ต่อไป
ส่วน “บัด-ลวรณ” ถ้าตัด “ปลัดพี่ตู่” ออกไปแล้ว (เกษียณปี66) ถือเป็นอธิบดีกรมภาษีที่อาวุโสมากที่สุด จัดเป็นพี่ใหญ่ของน้องๆ เพราะผ่านทั้งสศค. กรมสรรพสามิต กรมสรรพากร โอกาสขึ้นเป็นปลัดกระทรวงการคลังย่อมมีภาษีมากกว่าคนอื่น ถือเป็นดาวเด่นที่ยังต้องลุ้นกันต่อไป (สำหรับคนปีแพะพ.ศ.2510 เกษียณปี2570)
เรื่องที่ 1,066 เรื่องที่สุดท้ายแล้วนะจ๊ะ!! เป็นความจริงเหมือนกัน วันนี้ วันที่ 3 พ.ค.2565 กรมธนารักษ์จะต้องลงนามกับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ในฐานะผู้ชนะการประมูลการดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันนออก มูลค่า 25,000 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.00 น. แต่สุดท้ายต้องประกาศยกเลิกกะทันหัน หลังจากฝ่ายค้าน “พรรคเพื่อไทย” ตั้งข้อสงสัยความไม่โปร่งใสในการประมูลงานดังกล่าว ทำให้ “ประภาศ คงเอียด” อธิบดีกรมกรมธนารักษ์ จะเพิกเฉยไม่ได้ จึงขอเลื่อนลงนามผลงานชิ้นโบแดงนี้ออกไปก่อน
ปล.เห็นข่าวแบบนี้ที่ไร นึกถึง “โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุหมอชิต” ทุกครั้งไป
โดยนพวัชร์