ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 13-14 ก.พ.2565
“การเมืองสัปดาห์นี้ จับตาศึกซักฟอก อภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ผู้ที่จะถูกอภิปราย 5 คน ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม , นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข , พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาด ไทย คนสุดท้าน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์” โดยการอภิปราย จะใช้เวลา 30 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 17-18 ก.พ.
เรื่องที่ 801 สิ่งที่น่าจับตาสำหรับการอภิปรายครั้งนี้ คือเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในช่วงขาลงอย่างหนัก เรียกว่าเผชิญกับวิกฤติรอบด้าน แม้เป็นการอภิปรายแบบไม่ลงมติ แต่เชื่อว่า ฝ่ายค้านจะงัดหลากหลายหมัดเด็ดมาซัดรัฐบาลได้อย่างแน่นอน
และเชื่อว่าหลังการอภิปราย คงได้เห็นสัญญาณบางอย่าง เช่นเดียวกับอนาคตของรัฐบาล “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์” ด้วยเช่นกัน
เรื่องที่ 802 ช่วงนี้ บก. ชวนคุยอาจจะชื่นชมกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นพิเศษสักหน่อยนะขอรับ เพราะผลงานช่างกระแทกตา กระแทกใจเสียเหลือเกิน โชว์ศักยภาพผลิตผลงานต่อเนื่องไม่พอ ยังว่องไวต่อเหตุการณ์ไม่เพิกเฉย แม้อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง อย่างกรณีล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วซ้ำสองจาก บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง กลางทะเลระยองอีกประมาณ 5,000 ลิตร ท่าน รมว.อุตสาหกรรม “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” สั่งการฉับไวให้ “อ.หน่อง-วีริศ อัมระปาล” ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือกนอ. ให้ไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งแตกต่างจากอีกกระทรวง ในที่นี้ขอไม่ระบุละกันนะขอรับว่ากระทรวงไหนที่ไม่ออกแอคชั่นอะไรเลยตั้งแต่รั่วครั้งแรก แบบนี้จะไม่ให้คาราวะในการทำงานที่ขยันขันแข็งอย่างไรไหวล่ะขอรับกระผม
เรื่องที่ 803 ส่วนหน่วยงานที่พอจะเป็นหน้าเป็นตาให้กับกระทรวงพลังงานได้บ้างในช่วงนี้ ก็คงหนีไม่พ้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ผลิตผลงานออกมาได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดก็ไปจับมือกับกลุ่มมิตรผลวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้แห่งนวัตกรรม ด้านพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด ประเภทชีวมวล และอื่น ๆ โดย “พี่สิงห์-บุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร” ผู้ว่าการ กฟผ. ระบุว่า จะเป็นการนำจุดแข็งของทั้ง 2 องค์กรมาสร้างสรรค์ร่วมกัน เอาล่ะอย่างน้อยก็ยังช่วยให้ทางฝั่งพลังงานไม่ได้ด้อยผลงานลงไปมากนักขอรับกระผม
เรื่องที่ 804 สืบค้นข้อมูลได้แค่นี้ เขียนเป็นข่าวก็ไม่มีเนื้อหาสาระ แต่ใครอยากทราบว่า ภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) มีอัตราเท่าไหร่ ล่าสุดมี 3 อัตราคือ 0% 20% และ 40% ส่วนรายละเอียดไม่ทราบจริงๆ ว่า เป็นภาษีนำเข้าหรือภาษีที่จัดเก็บภายในประเทศของกรมสรรพสามิต แต่รู้มาอีกหน่อยหนึ่งเรื่องว่า ทำไมเรื่องนี้ เดี๋ยวก็เงียบ-เดี๋ยวก็ดัง ไม่ใช่กระทรวงการคลังทะเลาะกับกระทรวงอุตสาหกรรมแต่บริษัทผู้ค้ารถยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น รวมหัวกดดัน “รมว.อุตสาหกรรม” อย่างหนัก เพราะไม่พร้อมผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ยิ่งไปกว่านั้น หากมองย้อนกลับไปจะพบความจริงว่า “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” และตระกูล “จึงรุ่งเรืองกิจ” รวยเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ จากอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ฟังแบบนี้แล้วก็ขอให้เข้าใจตรงกันนะครับว่า ใครอยู่เบื้องหลังทั้งดึงและถ่วง รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ได้แจ้งเกิดสักที
เรื่องที่ 805 อยากได้น้ำมันถูก ไม่ต้องไปไหนไกล ลงทะเลอ่าวไทยพบ 2 แหล่ง 1.น้ำมันรั่วของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC แต่น้ำมันรั่วมันใช้ไม่ได้ และแหล่งที่2 น้ำมันไม่รั่ว แต่ใช้กันเยอะไปหน่อย “น้ำมันเขียว” กลัวว่า จะกลายเป็นน้ำมันเถื่อน เพราะใช้ผิดวัตถุประสงค์จากน้ำมันราคาถูกไม่เสียภาษี 6 บาทต่อลิตร ใช้เติมเรือเพื่อลดต้นทุนให้แก่ชาวประมง แต่ล่าสุด ได้ยินว่า มีเรือบรรทุกสินค้า เรือบรรทุกคนโดยสาร แอบเติมน้ำมันเขียวเป็นว่าเล่นหลายแสนลิตร จุดนี้ จะไปโทษกรมสรรพสามิตเพียงหน่วยงานเดียวก็ไม่ได้ เพราะกรมไม่ได้เป็นผู้ผลิตและผู้จำหน่าย ถ้าอย่างนั้น ต้องถามใครดี ปตท.หรือ การท่าเรือแห่งประเทศไทย
โดยนพวัชร์