ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 21-22 ม.ค.2565
มาว่ากันต่อด้วยมติพรรคพลังประชารัฐ ขับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ ส.ส.รวม 21 คนออกจากพรรค แท้จริงแล้ว เป็นความต้องการของ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่อยากจะกำจัด ร.อ.ธรรมนัส ไปให้พ้นๆ นับตั้งแต่ที่มีการปลดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ เมื่อเดือนกันยายน 2564 แล้ว
เรื่องที่ 725 พล.อ.ประยุทธ์ มองแต่เพียงว่า ร.อ.ธรรมนัส เหิมเกริม ริก่อการใหญ่ จะเอาเก้าอี้โต รัฐมนตรีว่าการ จึงไม่พอใจ ปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะตามมาจากการปลด ร.อ.ธรรมนัสพ้น ทั้งจากตำแหน่งรัฐมนตรีและสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
นั่นเป็นหลักคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังไม่ต่างจากเดิม เหมือนตอนเป็นรัฐบาล คสช. ที่รัฐบาลไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงเสียงของ ส.ส.หรือผู้แทนของประชาชน เพราะอย่างไรเสียอำนาจก็อยู่ที่ คสช.
แต่การที่ บิ๊กตู่ ยังมีหลักคิดแบบเดิมในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนั้น ทำให้คนที่เหนื่อย คือพี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ต้องคอยทำหน้าที่หัวหน้าพรรค พปชร. ประสาน ส.ส. และแกนนำพรรค เพื่อให้องคาพยพรัฐบาลเดินหน้าต่อไปได้
ยิ่ง ร.อ.ธรรมนัส ออกไปอยู่พรรคใหม่ “บิ๊กป้อม” คงต้องเหนื่อยกว่าเดิม เพราะอำนาจการต่อรองของ ร.อ.ธรรมนัส จะมีมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่ ส.ส.รวม 21 คน แต่ยังรวมถึงพรรคเล็กพรรคน้อยที่ ร.อ.ธรรมนัส เลี้ยงไว้ตั้งแต่ต้นก่อนตั้งรัฐบาลด้วย
เรื่องที่ 726 วันนี้มีกิจกรรมปีใหม่ขนาดเล็กที่กระทรวงอุตสาหกรรมของสื่อมวลชน ซึ่งจัดด้วยมาตรการเข้มงวดอย่างที่สุด เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ทั้งการตรวจ ATK ทุกคนที่จะเข้าร่วมงาน รวมถึงมีการตรวจวัดอุณหภูมิ และมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้หลายจุด ทำให้วันนี้ได้มีโอกาสปะหน้ากับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่ให้เกียรติลงมาร่วมงาน และร่วมรับประทานอาหารเล็กๆน้อยๆ พูดคุยอย่างเป็นกันเองถึงสารทุกข์สุกดิบในช่วงที่ผ่านมา เพราะไม่ได้เจอกันนานให้หายคิดถึง ท่านเองก็ต้องระมัดระวังตัว ยกการ์ดสูงไม่ให้ตนเองติดเชื้อโควิด-19 เพื่อที่จะได้ปฏิบัติภารกิจรับใช้ประชาชนได้อย่างไม่สะดุด และมาทำงานที่กระทรวงอยู่ตลอด คอยสั่งการตามหน้าที่หัวเรือใหญ่ ให้ทุกหน่วยงานเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามความถนัดของแต่ละองค์กร เรียกว่าชื่นใจกันไปถ้วนหน้า และหวังว่าปีนี้จะได้พบเจอท่านบ่อยๆนะขอรับเข้านาย
เรื่องที่ 727 ส่วนอีกท่านหนึ่งที่เรียกว่าเซอร์ไพรส์อย่างมากที่ได้พบเจอนั่นก็คือ “สุพันธุ์ มงคลสุธี” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ซึ่งก่อนหน้านี้ติดเชื้อโควิด-19 จากการไปปฏิบัติภารกิจที่สหรัฐอเมริกา มาวันนี้ท่านดูหน้าตาสดใสแข็งแรง และปลอดเชื้อที่จะแพร่ไปสู่คนอื่นแล้ว ท่านจึงเดินทางมาเยี่ยมเยียนสื่อมวลชนด้วยตนเอง บก.ชวนคุย จึงถือโอกาสถามไถ่อาการว่าเป็นอย่างไรด้วยความอยากรู้ จึงได้รู้ว่าโควิดก็คล้ายกับไข้หวัดธรรมดา กินยาตามอาการ และบวกด้วยฟาวิพิราเวียร์อีก 3 วันก็สามารถรักษาหายได้ ประกอบกับที่คุณสุพันธุ์ เองก็ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วด้วยแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว 2 เข็ม และฉีดเข็มที่ 3 บูสเตอร์ด้วยวัคซีนโมเดอร์นา จึงทำให้อาการไม่หนักมาก เห็นท่านกลับมาแข็งแรงเป็นปกติได้ก็ดีใจไปด้วย ท่านจะได้เดินหน้าทำหน้าที่แม่ทัพภาคเอกชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามถนัดได้อย่างเต็มที่ ปูเสื่อรอชมผลงานกันได้เลย ยี่ห้อคุณสุพันธุ์แล้วไม่มีทำให้ผิดหวัง
เรื่องที่ 728 ภาพของความทรงจำเก่า สมัยหนึ่งจำได้ดี พบและรู้จัก “พี่ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล” ตั้งแต่สมัยกรมสรรพากรตั้งอยู่สี่แยกอยุธยา ตึกแปดเหลี่ยม เดิมคือสำนักงานใหญ่ของธนาคารทหารไทย ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ในซอยอารีย์ฯ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ สมัยนั้น จำได้ดีเพิ่งขึ้นเป็นอธิบดีกรมสรรพากร เป็นคนแนะนำให้รู้จักกับพี่ศุภรัตน์ ในฐานะนักวิชาการภาษีคนสำคัญของกรม สรรพากร ซึ่งในช่วงนั้น “หม่อมเต่า-ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล” เป็นปลัดกระทรวงการคลัง กำลังขัดแย้งกันอย่างหนักกับ ร.อ.สุชาติ กรณีคืน ภาษีเงินสด กับคืนภาษีเครดิต
หลังจากนั้น ชื่อเสียงของ “พี่ศุภรัตน์” ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่นักข่าวมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเป็นที่ปรึกษาการคลัง สำนัก งานปลัดกระทรวงการคลังและในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ก่อนจะขึ้นเป็นปลัดกระทรวงการคลัง ในสมัยที่ “ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ” และ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เป็น รมว.คลังและถ้าจำไม่ผิด “ปลัด ศุภรัตน์” น่าเป็นปลัดคลังคนแรกที่ดำรงตำแหน่ง ผอ.สศค.และเป็นอธิบดีกรมสรรพากรก่อนขึ้นเป็นปลัดคลัง โดยผ่านงานกรมภาษีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
ในช่วงระหว่างนี้ มีหลายเหตุการณ์ที่หวนคิดถึง “พี่ศุภรัตน์” โดยเฉพาะคำถามที่หลายคนอย่างรู้ว่า “พี่ศุภรัตน์” สอบติดคณะแพทย์มหาวิทยาลัยมหิดล จริงหรือไม่ คำตอบคือ จริง แต่ที่ไม่เรียนแพทย์ เพราะไม่มีเงิน จึงจำเป็นต้องหาทุนเรียนฟรี หรือมีทุนมีการสนับสนุนค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่าย ตอนที่เรียนอยู่กรุงเทพฯ ก็ไปอยู่บ้านของพ่ออธิบดีกรมสรรพากรท่านหนึ่ง (ไม่ขอเอยนาม) จึงทำให้อดีตอธิบดีกรมสรรพากรทั้ง 2 คนสนิทกันมาก
ประวัติส่วนตัวอีกเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครรู้คือ ดช.ศุภรัตน์ ได้รับทุนการศึกษาเรียนตั้งแต่ป.4 และได้รับทุนการศึกษาจนถึงม.6 และมีอยู่ครั้งหนึ่งต้องเดินทางมารับทุนที่กรุงเทพฯ ตอนสมัยที่ ดช.ศุภรัตน์ เรียนหนังสือที่อยู่ที่จังหวัดอุทัยธานี การที่เป็นเด็กรับทุนมาตลอดในวัยเด็กทำให้ ปลัดคลังคนนี้ ทำงานอย่างเต็มที่ 100% ไม่น้อยหน้าอธิบดี หรือปลัดคลังท่านอื่นๆ โดยมีคติประจำใจ “ทำวันนี้ ให้ดีที่สุด” หรือ The best preparation for tomorrow is doing your best today. “การเตรียมการที่ดีที่สุดสำหรับวันพรุ่งนี้คือ การทำวันนี้ให้ดีที่สุด”
จนถึงบรรทัดนี้ ได้แต่อาลัยและขอให้ “พี่ศุภรัตน์” R.I.P.
โดยนพวัชร์