ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 16-17 ม.ค.2565
“หลังจากผ่านพ้น “วันเด็ก” ปีนี้ ตรงกับวันที่ 8 ม.ค. อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา วันที่ 16 ม.ค.ตรงวันครู “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว. กลาโหม มอบสารคำขวัญวันครูว่า “พัฒนาครู พัฒนาเด็ก เรียนรู้สู่อนาคต” ถือเป็นประเด็นสำคัญ เพราะคุณครูทุกวันนี้ ที่เอาตัวรอดจากภาวะเศรษฐกิจ ไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัว น่าจะมีกำลังใจในการสั่งสอนเด็กๆ ให้เป็นคนดีและคนเก่งของสังคมต่อไป แต่ต้องไม่ลืมว่า ยังมีคุณครูอีกจำนวนมากที่มีภาระหนี้สิน ยังไม่สามารถแก้ไข ทำให้คำขวัญวันครูปีนี้ จะมีคุณครูสักกี่คนที่จำได้”
เปิดประเด็นวันนี้ เริ่มการเมืองก่อน เรื่องที่ 705 คือ ภาพ “อาจารย์แหม่ม-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ อดีต รมช.แรงงาน คุกเข่าไหว้ “พล.อ.ประยุทธ์” ที่เดินทางมาเป็นประธานในพิธีสวดพระอภิธรรมมารดาของตน เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา สื่อความหมายถึงความสยบยอมต่ออำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์
“นฤมล” โพสต์ข้อความว่า “กราบขอบพระคุณ ท่านนายก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กรุณาเมตตาแหม่มและครอบครัวค่ะ”
กระนั้นท่าทีดังกล่าวก็สวนทางกับเมื่อตอนที่ “นฤมล” อยู่กับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยเมื่อไหร่ก็ตามที่ทั้งคู่ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียง คนทั้งคู่จะไม่เอยถึงชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ เลยแม้แต่น้อย
มีเพียงการโฆษณาชื่อของ “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่พูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลให้ประชาชนได้ยินเลยสักครั้ง
สังเกตได้จากเวทีปราศรัยเลือกตั้งซ่อม 2 สนาม ทั้งเขต 6 สงขลา และเขต 1 ชุมพร “นฤมล” ยกความดีความชอบในนโยบายต่างๆของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น คนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การสร้างถนนหนทาง แก้ปัญหาน้ำท่วม ฝนแล้ง ให้เป็นผลงานของ “บิ๊กป้อม” ทั้งหมด
เช่นเดียวกับเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะสนับสนุนใครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนทั้งคู่จะปฏิเสธพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ แต่จะโยนให้เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค
ตรงนี้สะท้อนว่า “ธรรมนัส” และ “นฤมล” มีความแค้นต่อ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ หลังจากถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
เรื่องที่ 706 ช่วงนี้ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม งานจะชุกหน่อย เพราะมีทั้งงานใน และนอก (ต่างประเทศ) เข้ามาให้ต้องลุย ล่าสุดก็ต้องสั่งการฉับไวให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เร่งเข้าไปช่วยแก้ปัญหากรณีที่อินเดียกำหนดมาตรการห้ามนำเข้าเครื่องปรับอากาศที่บรรจุสารทำความเย็น ออกกฎระเบียบการนำเข้าเคมีภัณฑ์และปิโตรเคมี และระงับการตรวจประเมินโรงงานผลิตสินค้าในต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ รวมทั้งเคมีภัณฑ์ของไทย ซึ่ง สมอ. ในฐานะผู้แทนประเทศไทยในคณะกรรมการว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (Committee on Technical Barriers to Trade : TBT) ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) จะหยิบยกประเด็นดังกล่าวเข้าในการประชุม Committee on TBT เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยต่อไป ขยันขันแข็งแบบนี้ชาวประชาก็พอได้พึ่งบารมีท่านได้บ้างนะขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 707 เอ้าเร่เข้ามา! ชาวเอสเอ็มอีไทยต้องฟังทางนี้ มีข่าวดีๆ มาบอก เมื่อทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ภายใต้หัวรือใหญ่อย่าง ผอ.วีระพงศ์ มาลัย เตรียมอัดฉีดเม็ดเวินกว่า 400 ล้านบาท ผ่านโครง การส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development Service) หรือเรียกเท่ๆก็คือ โครงการเอสเอ็มอีคนละครึ่ง เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการให้ได้รับโอกาสในการเข้าถึงการบริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ ที่เอสเอ็มอีจะสามารถเลือกรับการบริการ หรือรับการพัฒนากับผู้ให้บริการทางธุรกิจ (Business Development Service Provider : BDSP) ในด้านที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจของตนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดย สสว. เค้าจะอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาให้แก่เอสเอ็มอีแบบร่วมจ่าย (co-payment) ในสัดส่วน 50-80% ตามขนาดของธุรกิจ เอสเอ็มอีรีบเช็คเงื่อนไขรายละเอียดกันด่วนเลย ช้าหมดแล้วจะหาว่า บก.ชวนคุยไม่เตือนไม่ได้นะจ๊ะ
เรื่องที่ 709 สรุปเรื่องน่ากลัว หลังผ่านพ้นปีใหม่ ไม่กี่วัน ภูเขาไฟใต้ทะเล “Hunga-Tonga-Hunga-Ha’apai” (อ่านยากจัง) บริเวณมหาสมุทรแปซิกฟิกตอนใต้ ทำให้เกิดสึนามิ ซัดเข้าฝั่งในเมืองนูกูอาโลฟา ประเทศตองกา และหลายประเทศรอบแนวมหาสมุทรแปซิฟิกได้มีคำเตือนภัยสึนามินั้น ล่าสุด ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่า สึนามิมีรอบแนวมหาสมุทรแปซิฟิก ได้แก่ อเมริกันซามัว นิวซีแลนด์ เอกวาดอร์ เปรู ชิลี สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น มีคลื่นสูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร ไม่กระทบไทย ดีใจสุด!!
เรื่องที่ 710 ล่าสุด นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย ออกมายืนยันอีกครั้งว่า คนไทยควรทำสิ่งต่อไปนี้ 6 ข้อด้วย อ่านแล้ว เซฟทันที ประกอด้วย 1ใล้างมือทันที เมื่อกลับถึงบ้านด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาที หรือตั้งแอลกอฮอล์เจลสำหรับล้างมือไว้ที่ประตูหน้าบ้าน
2.ถอดรองเท้าหรือหาที่เก็บรองเท้าไว้นอกบ้าน เพื่อลดโอกาสที่รองเท้าจะไปสัมผัสเชื้อโรค และนำมาแพร่เชื้อต่อ
3.ถอด และทำความสะอาดหน้ากากผ้า โดยใช้สบู่หรือผงซักฟอก จากนั้นตากแดดฆ่าเชื้อให้แห้งสนิท ก่อนนำมาใส่ซ้ำอีกครั้ง สำหรับหน้ากากอนามัย เมื่อใช้แล้วขณะถอดให้จับที่สายคล้องหูเพื่อไม่ให้สัมผัสเชื้อโรค แล้วทิ้งในถังขยะมีฝาปิด และควรล้างมือให้สะอาดทันที
4.เมื่อเข้ามาในตัวบ้านให้อาบน้ำ สระผม ส่วนเสื้อผ้าที่ใส่ให้นำไปซักอย่าเก็บไว้ 5.ไม่ควรสัมผัสกับบุคคลในบ้าน โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ หากเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง และ6.หลีกเลี่ยงการกินข้าวร่วมกัน แยกสำรับ อุปกรณ์ ช้อน ส้อม และเน้นกินอาหารปรุงสุกร้อนอยู่เสมอ
ปล. ต่อให้โควิด จะกลายพันธุ์ไปกี่ตลบ ก็ไม่กระทบพวกเราอย่างแน่นอน!!
ปล.พรุ่งหวยออกนะอย่าลืม…
โดยนพวัชร์