ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 19-20 ธ.ค. 2564
“สัปดาห์นี้ จับตา “แซนต้าตู่” แจกของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน หลังจากสั่งการที่ในประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมา ว่าให้ทุกกระทรวงไปรวบรวมของขวัญปีใหม่ เพื่อสร้างความสุขให้กับประชาชน เบื้องต้นมีออกมาแล้ว ในส่วนของกระทรวงคมนาคม โดย ครม.อนุมัติขึ้นทางด่วนฟรี 2 สาย ช่วงปีใหม่ ลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน โดยได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร(ถนนกาญจนาภิเษก)ตอนบางปะอิน-บางพลี และตอนพระประแดง – บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน ตั้งแต่เวลา 00.01 นาฬิกา ของวันพฤหัสบดีที่ 30 ธ.ค. 2564 ถึงเวลา 24.00 นาฬิกา ของวันจันทร์ที่ 3 ม.ค. 2565”
เรื่องที่ 619 ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กำลังจัดทำรายละเอียดโครงการจ่ายค่าเสี่ยงภัยแก่ อสม.เดือนละ 500 บาท ระยะเวลา 6 เดือน เพื่อเสนอต่อที่ประชุม ครม. ต่อไป โดยการจ่ายค่าเสี่ยงภัยให้แก่ อสม.อีก 6 เดือนนี้ จะเพิ่มเติมจากที่ก่อนหน้านี้ อสม. ได้รับค่าตอบแทนพิเศษ เดือนละ 500 บาทแล้ว ระยะเวลา 12 เดือน สำหรับของขวัญปีใหม่ที่ประชาชนลุ้นมากที่สุด เห็นจะเป็นโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 คาดว่า อาจไม่มาตามนัด เพราะ “คุณอา-อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณามาตรการของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ซึ่งจะเสนอ ครม.พิจารณาวันที่ 21 ธ.ค.นี้ โดยมาตรการหลักจะช่วยเรื่องการบริโภคไม่ให้สะดุด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีกำลังซื้อ จะเข้าไปช่วยลดหย่อนภาษีให้ ซึ่งจะนำมาใช้แทนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมนัก ส่วนโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ขอดูกำลังการใช้จ่ายของประชาชนก่อนว่า ปรับตัวดีขึ้นแค่ไหน ซึ่งขณะนี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
เรื่องที่ 620 “ร้ายกาจจริงๆ” สำหรับเจ้าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่มีชื่อว่า “Omicron” หรือที่ภาษาไทยออกเสียงกันไปหลาก หลายรูปแบบทั้ง โอมิครอน โอไมครอน ออมิครอน แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับเจ้าเชื้อร้ายตัวนี้มีฤทธิ์ในการแพร่ระบาดมากกว่าสายพันธุ์เดลตาที่ทำคนไทยหวาดผวามาแล้งรอบหนึ่งกว่า 70 เท่า โดยปัจจุบันลุกลามไปแล้วมากกว่า 80 ทั่วโลก แต่ในข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดี ล่าสุด “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์” ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้ออกมาระบุว่า ยาแพกซ์โลวิด (PAXLOVID) ของบริษัทไฟเซอร์ มีประสิทธิภาพต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิดทุกสายพันธุ์รวมทั้งสายพันธุ์โอมิครอน ได้ยินแบบนี้ก็ค่อยเบาใจลงไปได้บ้าง
เรื่องที่ 621 กระแสการอนุรักษ์พลังงานกำลังมา ทุกองค์กร ทุกบริษัทต่างก็ปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อตอบสนองกระแสดังกล่าว ล่าสุดสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดโครงการสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานและลดต้นทุนในอุตสาหกรรมขนาด SME (Energy Points 3) หรือ “โครงการ Energy Points เฟส 3” สนับสนุนโดยกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SME) เริ่มดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์พลังงานอย่างเป็นระบบแบบง่ายๆ ด้วยกลไกการสะสม Energy Points ช่วยลดต้นทุน และก่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ
อีกหนึ่งกระแสที่คนทั่วโลกให้ความสนใจก็คือการพัฒนาอย่างยั่งยืน เรื่องที่ 622 เนื่องจากผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นหลายด้าน ได้กลายเป็นสัญญาณเตือนขนาดใหญ่ว่าอีกไม่นานธรรมชาติอาจไม่ปราณีอีกต่อไป หลายองค์กรมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจด้วยหลักการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (Environment, Social and Governance) หรือ ESG มากขึ้น บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP จึงกำเนิดกลยุทธ์ Greener & Smarter เพื่อมุ่งส่งมอบพลังงานไฟฟ้าที่สะอาดและฉลาดขึ้น ด้วยจุดยืนในการเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าคุณภาพเพื่อโลกที่ยั่งยืน (We ARE Power for the Sustainable World) นี่จึงเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่น่ายกย่อง
เรื่องที่ 622 กรมบัญชีกลางกำลังทำหน้าอย่างเต็มที่ ล่าสุด “อธิบดีอุ๋ย-กุลยา ตันติเตมิท” อธิบดีกรมบัญชีกลาง เร่งสปีดเบิก จ่ายเงินงบประมาณสนองนโยบาย รมว.คลัง ที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย อย่างน้อย ปีหน้าน่าจะขยายตัวได้ 3% จีดีพี จากหลังประเมินแล้วว่า ปีนี้ เศรษฐกิจขยายตัวได้เพียง 1% หรือมากกว่า 1% เพียงเล็กน้อย โดยงบประมาณรายจ่ายปี 2565 ตั้งไว้ 3.1 ล้านล้านบาท ไตรมาสแรกเริ่มแล้ว ตั้งแต่เดือนต.ค จะจบสิ้นเดือนธ.ค.นี้ ต้องเบิกจ่ายให้ได้ 30% ของวงงบประมาณ ส่วนที่ซอยย่อยแบ่งเป็นรายไตรมาส ไตรมาสละ 20% รวม 3 ไตรมาส ครบ 100% พอดี ถ้าได้ตามนั้น ยอมรับว่า อธิบดีกรมนี้เก่ง แต่ถ้าไม่ได้ก็หวังว่า “จะใกล้เคียง” เพราะได้ยินมาว่า “อธิบดีอุ๋ย” ตั้งเป้าเบิก จ่ายงบประมาณปีนี้ ภาพรวมทั้งงบประจำและงบลงทุนให้ได้ 93% จากปีที่แล้ว เบิกจ่ายได้ 91%
เรื่องที่ 623 เรื่องสุดท้าย ฝากธนาคารออมสินเอาไว้ในอ้อมกอดของทุกๆ คน ล่าสุด “เต๋-วิทัย รัตนากร” ผู้อำนวยธนาคารออมสิน (อคส.) ประกาศผลดำเนินงานออกดีเยี่ยม จากการลดต้นทุนการดำเนินได้เป็นหมื่นล้านบาทท แล้วนำเงินหมื่นล้านบาทมาช่วยเหลือสังคม เช่น ลดอัตราดอกเบี้ย พักเงินต้นและดอกเบี้ย กดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนำทะเบียนรถยนต์ ปล่อยกู้ให้แก่ประชาชนรายละ 3หมื่นบาท 5 หมื่นบาท ลดปัญหาหนี้นอกระบบ พบว่า ภายในระยะเวลา 18 เดือน ธนา คารออมสินช่วยเหลือประชาชนไปแล้ว 7-8 ล้านคน อีกฝั่งหนึ่ง ก็สร้างความมั่นคงให้กับธนาคาร สำรองหนี้รายบัญชีและสำรองหนี้ทั่วไป แตะ 90,000 ล้านบาท โดยเฉพาะการสำรองหนี้ทั่วไป จากเดิม 5,000 ล้านบาท ใส่เงินเข้าไปอีก 40,000 ล้านบาท กลายเป็น 45,000 ล้านบาท แม้จะทำให้กำไรธนาคารลดก็จริง แต่ความแข็งแกร่งและความแข็งแรงมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ เกิดโควิดอีกกี่ระลอกแบงก์ก็ต้านทานได้ แต่ปีนี้ ขอเบาะๆ “ออมสิน” กำไรแค่ 26,000-28,000 ล้านบาท พนักงานได้โบนัสหลายๆ เดือนก็พอครับ “ท่านเต๋”
โดยนพวัชร์