ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 29-30 พ.ย. 64
“ความเคลื่อนไหวของกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันฯ ที่ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้จัดการกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย หรือไล่ออกจากประเทศ เป็นเรื่องเดียวกับความเคลื่อนไหวของ “แรมโบ้-เสกสกล อัตถาวงศ์” ผู้ช่วยรัฐ มนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่มีความพยายามล่ารายชื่อขับไล่ แอมเนสตี้ พ้นจากประเทศไทย
เรื่องที่ 544 ส่วนความเคลื่อนไหวของ “แรมโบ้” นั้น สอดรับกับความต้องการของ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ไม่อยากให้องค์กร NGO อย่างแอมเนสตี้ เคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล อย่างที่มีการกดดันมาตลอดนับตั้งแต่มีการยึดอำนาจ จึงไม่ต้องแปลกที่ “บิ๊กตู่” จะแสดงท่าทีให้มีการตรวจสอบแอมเนสตี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าจำกันได้เมื่อประมาณเดือน มี.ค.ปีนี้เอง คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติร่างกฎหมาย 2 ฉบับ เพื่อใช้ในการควบคุมตรวจ สอบ NGO ดังนั้น จึงเชื่อว่าร่างกฎหมายดังกล่าวนี้ มีเป้าประสงค์เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาล และไม่แน่ว่า แอมเนสตี้ อาจเป็น NGO รายแรกที่โดนกฎหมายฉบับนี้ตรวจสอบ ด้าน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ยืนยันการทำหน้าที่ปกป้องสิทธิของทุกฝ่าย ระบุว่า ไม่ว่าคุณจะมีความคิด ความเชื่อ หรืออุดมการณ์ทางการเมืองแบบใด หากคุณถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนเราจะออกมาปกป้องสิทธิเสรีภาพของคุณ

เรื่องที่ 545 เป็นเรื่องอีกแล้ว หลังคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติให้ปรับสูตรน้ำมันดีเซล ยกเลิก บี 10 และบี 20 เหลือเพียง บี 7 ชนิดเดียว โดยจะเริ่มตั้งแต่ 1 ธ.ค.2564 ถึง 31 มี.ค.2565 เพื่อหวังจะช่วยเหลือผู้ประกอบการรถบรรทุกไม่ให้ราคาน้ำ มันดีเซลทะลุ 30 บาท/ลิตร แต่กลับไปกระทบรายได้ของชาวสวนปาล์มเข้าให้ ล่าสุดสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานีก็อยู่ไม่ติด ต้องนัดประชุมประธานสภาเกษตรกร 4 จังหวัด คือ ชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่และนครศรี ธรรมราช เพื่อหาแนวทางเตรียมการเคลื่อนไหว ไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว
และมีมติให้ 26 จังหวัดพื้นที่ปลูกปาล์มทำหนังสือฉบับเดียวกันยื่นต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนต่อรัฐบาลให้ทบทวนและยกเลิกนโยบายดังกล่าว เพราะ กบง.ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการประกาศนโยบายนี้ ล่าสุดได้ทราบมาว่ากลุ่มเกษตรกรชาวสวนปาล์ม เตรียมตบเท้าเข้ามา กทม.มุ่งหน้าตรงมายังกระทรวงพลังงาน ถกปม “ปรับสูตรน้ำมันดีเซล” ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้

เรื่องที่ 546 มาแล้วจ้า “Supernova” ตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบชาร์จเร็วสุดอัจฉริยะ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มาถึงไทยแล้ว “จิราพร ศิริคำ” รองผู้ว่ากฟผ. การันตี ชาร์จเร็วจริง อะไรจริง ชาร์จไฟเพียง 15 นาที รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งได้ถึง 100 กิโลเมตร “สมกับที่รอคอย” เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 38 หรือ Motor Expo 2021 ที่ อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธ.ค.นี้ นวัตกรรม ล้ำเหลือ อย่าลืมไปชมกันนะครับ

เรื่องที่ 547 ความกังวลที่เกิดขึ้นมันน่ากลัวขนาดไหน ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ล่า สุดความวิตกเกี่ยวกับโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ส่งผลให้ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโต เกียว ปิดตลาดวันนี้ (29 พ.ย.) โดยร่วงลงเกือบ 2% ปิที่ระดับ 28,283.92 จุด ลดลง 467.70 จุด หรือ -1.63% ต่ำที่สุดตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.2564
ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดในแดนลบเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ปิดที่ 2,909.32 จุด ลดลง 27.12 จุด หรือ -0.92% ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบเช่นกัน ปิดที่ 3,562.70 จุด ลดลง 1.39 จุด หรือ -0.039% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิด แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี ปิดที่ 23,852.24 จุด ลดลง 228.28 จุด หรือ -0.95%
ส่วนตลาดหุ้นไทย ปิดติดลบต่อเนื่อง 2 วัน (วันศุกร์ที่ 26 พ.ย.) โดยตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ (29 พ.ย.) ที่ระดับ 1,589.69 จุด ลดลง 20.92 จุด (-1.30%) มูลค่าการซื้อขาย 115,806.02 ล้านบาท

เรื่องที่548 “บัณฑิต นิจถาวร” ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมา ภิบาล กล่าวว่า การพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศควรมองหาแนวทางใหม่เพิ่มเติม ซึ่งช่วงที่ผ่านมาพบว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจมาจากการส่งออก และการใช้จ่ายภาครัฐ ขณะที่การบริโภคภายในประเทศยังขยายตัวต่ำ หนี้ครัวเรือนมีสัดส่วนสูงขึ้น การท่องเที่ยวไม่ฟื้นตัว ระบบเศรษฐกิจยังมีความอ่อนแอ ทำให้การฟื้นตัวไม่สมดุล และสถานการณ์ในอนาคตยังมีความไม่แน่นอนสูง
ดังนั้น สิ่งที่ควรทำ 3 ประการ คือ 1.การให้ภาคเอกชนเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการลงทุนสร้างสินค้าใหม่ ขณะที่ภาครัฐควรมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน 2.การกำหนดกฎกติกาที่มีความเสมอภาคและ3.การเสริมทักษะแรงงานให้มีคุณภาพ ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนเพราะจะช่วยให้แรงงานมีงานทำ
“ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยภัทร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า การพบเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไม ครอนเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ต้องมีการทบทวนมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่วางไว้ว่าจะเกิดการสะดุดหรือไม่ และเชื่อว่าเกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน
ด้าน นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเสถียรภาพระบบการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ก่อนหน้ามีการประเมินว่าในปีหน้านักท่องเที่ยวต่างชาติอาจเดินทางเข้ามาได้ถึง 10 ล้านคน และจีดีพีจะขยายตัวได้ถึง 5% แต่การพบเชื้อสายพันธฺ์ใหม่เมื่อ 4 วันก่อนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติแค่ 6 ล้านคนจะมาถึงหรือไม่ เพราะต้องดูไปมากกว่ายอดผู้ติดเชื้อ เช่น จะมีการล็อกดาวน์หรือไม่
ปัจจัยที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ได้แก่ ระบบสาธารณสุขต้องไม่เกิดอาการสะดุด, ภาวะการเงินต้องไม่สะดุด สามารถดูแลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ มีสินเชื่อใหม่ และมีการปรับโครงสร้างหนี้, การใช้มาตรการทางการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่ใช่การแจกเงิน
อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว น่าจะพอสรุปได้ว่า “โอไมครอน” มันน่ากลัวขนาดไหน…!!
โดย นพวัชร์