ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 29-30 ต.ค.2564
“สร้างความฮือฮาไม่น้อยสำหรับการเปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” บุตรสาวคนสุดท้องของ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคเพื่อไทย โดยเป็นสัญญาณของการปูทางทายาทชินวัตร สู่ตำแหน่งสูงสุดของประเทศอีกคน หลังจากที่ ทักษิณ ชินวัตร , สมชาย วงสวัส และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ทำมาแล้ว”
เรื่องที่ 426 การตัดสินใจครั้งนี้ของทักษิณ ถือว่ามีความเสี่ยงไม่ใช่น้อย เสี่ยงตรงที่ประวัติศาสตร์การมองไทยต่อตระกูลชินวัตรนั้น “จบไม่สวยเลยสักราย” ไม่ว่าจะเป็น “ทักษิณ” และ “ยิ่งลักษณ์” ต้องหลี้ภัยทางการเมือง และพ่วงด้วยคดีตามตัวอีกมากมาย และการเปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” เป็นการย้ำว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่สถาบันการเมือง หากเป็นของทักษิณ ชินวัตร ที่มีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาด
กระนั้น ความเคลื่อนไหวนี้ ก็เป็นเพียงการวัดกระแส เพื่อดูว่าประชาชนจะให้การสนับสนุนอุ๊งอิ๊ง ลูกสาวของทักษิณ มากน้อยเพียงใด หากเปิดชื่อมาแล้วคะแนนความนิยมดี ก็มีโอกาสที่อุ๊งอิ๊งจะถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่หากความนิยมของพรรคเพื่อไทย ถดถอยเวลาของอุ๊งอิ๊ง อาจจะยังไม่ใช่ในตอนนี้
เรื่องที่ 427 สงสัยจะเอาดีทางธุรกิจค้าปลีก (รึเปล่า) เพราะหลังจาก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ ที่ใครๆ ก็รู้ว่าดำเนินธุรกิจค้าน้ำมันเป็นธุรกิจหลัก ส่วนธุรกิจรองคือ ค้าปลีกที่มีร้านกาแฟ Cafe Amazon เป็นพระเอกสร้างรายได้ให้กับ “โออาร์” ไม่น้อยหน้า “ปั๊มน้ำมัน” และยังมีสินค้าในเครืออีกหลายหลาย ทั้ง Jiffy ,Texas Chicken, ฮั่วเซ่งฮงติ่มซำและยังได้เข้าซื้อหุ้น บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ซึ่งดำเนินกิจการร้านอาหารเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” เมื่อประมาณต้นปี 64
ล่าสุด “จิราพร ขาวสวัสดิ์” CEO โออาร์ ยังได้เข้าไปลงทุน “บริษัท อิ่มทรัพย์ โกลบอล คูซีน จำกัด” ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น 5 แบรนด์ ได้แก่ ร้านโคเอ็น พรีเมี่ยม บุฟเฟ่ต์ ร้านยุ้งข้าวหอม ร้านหมูตั่วเฮีย ร้านต้า คูซีน และร้านโอโนะ ซูชิ ในสัดส่วน ร้อยละ 25 อีกด้วย ใครที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น น่าจะถูกใจ เพราะ “โออาร์” มีแผนขยายสาขา ร้านโอโนะ ซูชิ ในปั้มน้ำมันพีทีที สเตชั่น ให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เตรียมประเดิมเปิดสาขาแรกที่ ปั้มน้ำมันพีทีที สเตชั่น สาขาบางนาขา เข้าในเร็วๆ นี้ ช่วงนี้ราคาน้ำมันแพง กําไรน้อย รถยนต์ไฟฟ้าก็มาแรง “โออาร์” เห็นอนาคตธุรกิจค้าน้ำมัน จึงต้องเร่งดันธุรกิจค้าปลีกขึ้นมา
เรื่องที่ 428 สินค้าที่ได้มาตรฐาน มอก. ใครๆ ก็อยากใช้ เพราะปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินที่ผ่าน มาสมัย “วันชัย พนมชัย” นั่งเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ซึ่งปัจจุบันไปนั่งตำแหน่งอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจจับสินค้าไม่ได้มาตรฐานได้เป็นมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาทในจำนวนนั้นมี กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน มีมูลค่า 1,834 ล้านบาท รองลงมาคือกลุ่มสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า 106 ล้านบาท กลุ่มสินค้าเหล็ก, กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และเป็นสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จําหน่ายออนไลน์มูลค่ากว่า 128 ล้านบาท.
“บรรจง สุกรีฑา” เลขาฯ สมอ.คนปัจจุบัน ได้ประสานไปยังเครือข่ายตลาดสดนำร่องขายสินค้า มอก.ในจังหวัดปทุมธานีเป็นจังหวัดแรก 37 แห่งให้ร้านค้ารายย่อยภายในตลาด ได้รับความรู้ ความเข้าใจในการจำหน่ายสินค้าที่ได้มาตรฐานและถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ “บรรจง” บอกว่าร้านค้าขนาดเล็กที่กระจายตัวอยู่ในตลาดต่างๆ ส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่า สินค้าที่อยู่ในร้านของตน เป็นสินค้าที่ สมอ. ควบ คุม สมอ.จึงต้องเข้าไปให้ความรู้ในการเลือกสินค้ามาจำหน่ายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และต่อไปนี้ประชาชนก็จะได้ใช้สินค้าที่มีมาตรฐาน มอก. อย่างปลอดภัยจริงๆ
เรื่องที่ 429 งานนี้ จะเกี่ยวกันหรือไม่ แต่กับนักข่าวสายกระทรวงการคลังแล้ว อดจะโยงถึงกันไม่ได้ ก็เหตุที่ กรมธนารักษ์ ซึ่งเตรียมเปิดตัว “อธิบดีป้ายแดง” อย่าง “ประภาศ คงเอียด” ในงานลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้าง “สวนป่าเบญจกิติ” ระยะที่ 2–3 ของ “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 ต.ค.2564 ที่มีอันต้องเป็นหมัน เพราะฝ่ายการเมืองขอยกเลิกหมายนี้อย่างกระทันหัน แล้วก็ไม่ให้เหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น ท่ามกลางปมปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐที่กำลังร้อนแรง! มีการหักเหลี่ยม…เฉือนคม ระหว่างฟากของกลุ่ม “วอลเปเปอร์” ประจำตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับฝ่าย ส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นแกนนำ และหนึ่งในกลุ่ม “วอลเปเปอร์” ที่ว่านี้ ดันมีชื่อ “สันติ” ร่วมเป็นแกนนำเสียด้วย
ถึงบรรทัดนี้ ขอฝากถึงคนเป็น “เสนาบดี” แม้จะเป็นแค่ “เบอร์ 2” ในองค์กรที่ตัวเองสังกัดก็ตาม ได้โปรดระลึกในใจเสมอว่างานในหน้าที่ ย่อมสำคัญเหนือกว่าผลประโยชน์ของกลุ่ม! กินเงินภาษีประชาชน แต่ทิ้งงานของส่วนรวม แถมยังเป็นงานระดับ “หน้าตา” ของเมืองหลวงและของประเทศไทย หากการยกเลิกกำหนดการนี้ เป็นเพียงเพราะแค่ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคฯ จริงๆ ล่ะก็ อนาคตหากต้องมีการปลดหรือโดนปรับออกรอบนี้ อย่าหวังจะได้เห็นความสงสารหรือเห็นใจจากคนกระทรวงการคลังเลย ฮึ่ม!
เรื่องที่ 430 ถาม “โป๊ะ-พรชัย ฐีระเวช” ผอ.สศค. ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ถึงสาเหตุการตั้งเป้ายอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยในช่วงเปิดประเทศ 2 เดือนสุดท้ายปี 2564 เริ่ม 1 พ.ย.นี้ เหตุใดจึงตั้งเป้าต่ำกว่าความคาดหวังของรัฐบาล แม้ก่อนหน้านนี้ ทั้ง “โฆษกแด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ และผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มองว่าน่าจะสูงกว่า 1 แสนคน คำตอบที่ได้คือ เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักคือชาวจีน ยังออกนอกประเทศไม่ได้ และกว่ารัฐบาลจีนจะยอมให้คนของตัวเองเดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศได้ก็คงกลางปี หรือไตรมาส 3 โน่นเลย ช่วงนี้คงต้องเก็บตกจากนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ไปก่อน ต้องรอถึงกลางปี2565 กว่าที่นักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางเข้าไทยได้ นั่นคือคำตอบของโฆษกกระทรวงการคลัง
แต่อีกด้านหนึ่ง มีข้อมูลที่น่าสนใจก็คือ พบว่ามีคนไทยที่ฉีดวัคซีนครบโดสทั่วประเทศ แค่เพียง 10% เท่านั้น หมายความว่ายังมีพวกที่ฉีดไม่ครบโดส และยังไม่ได้ฉีดอีกอยู่อีกเป็นจำนวนมาก เพราะเหตุนี้หรือไม่ ทางการโดยเฉพาะกระทรวงการคลัง จึงยังไม่กล้าฟันธงว่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ หาญกล้าเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศที่ขาดความพร้อมและขาดการเตรียมการด้านวัคซีนให้กับคนในประเทศตัวเองอย่างเพียงพอ แน่นอนว่า ทางการจีนที่รู้เส้นสนกลในของฝั่งไทยแบบทะลุปุโปร่ง ย่อมไม่ปล่อยให้ประชาชนของตัวเองเข้ามาเสี่ยงในประเทศไทยแน่ ฟังข้อมูลอีกด้านแล้วโล่งใจ จะได้เตรียมทำใจรับกับความผิดหวังไว้เสียแต่เนิ่นๆ
โดย นพวัชร์