ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 22-23 ส.ค.2564
“ในที่สุด ศาลก็ตัดสินให้คนโกงภาษีมูลค่าเพิ่มต้องติดคุกตลอดชีวิต ไม่ใช่หนังยาวม้วนเดียวจบอย่างที่เข้าใจ ยังบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องระบุ เอาไว้ก่อนหน้านี้ 22 คน ยังไม่เห็นคำพิพากษาของศาล หนังเรื่องนี้ จึงเป็น “ซีรีย์” เกาหลี ดูกันยาวๆ อีกหลายตอนกว่าจะถึงตอนจบ สุดท้ายว่า จะลงเอยกันอย่างไร ส่วนตัวจะไม่เขียนถึงอีกแล้วจนกว่าจะมีอะไรใหม่ เพราะเท่าที่เขียนไปก็เพียงบอกให้รู้ว่า ข้าราชการกรมสรรพากรนั้น รักกันขนาดไหน”
วันอังคารเข้าใกล้มาอีกแล้ว แต่อังคารนี้ ตรงกับวันที่ 24 ส.ค.เหมือนกับปีที่แล้ว (2563) ซึ่งวันนั้น มีคนคลังดีใจได้เลื่อนขั้น เลื่อนยศ ย้ายตำแหน่งกันหลายคน ไม่รู้ว่าปีนี้ ต้องนั่งลุ้นกันอีกเหมือนกับปีที่แล้วหรือไม่ แต่ข่าวไม่ได้กรอง กระซิบว่า การโยกย้ายข้าราชการกระทรวงการคลัง “ยังไม่เข้า ครม.ครับ” ขอเช็คให้ชัดๆ จะรีบแจ้งให้ทราบ อย่างเร็ววันจันทร์ค่ำๆ อย่างช้าเช้าวันอังคาร แบบด่วนจี๋!! เพื่อพี่ๆ ทุกคน
เรื่องที่ 119 ว่าแต่ “กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ปลัดคลัง เงียบๆ ไปนิดนึงนะ ต่างกับผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง บ่นกันมาก!! ร้องรองปลัดคลัง ทำงานที่บ้านหรืออู้งานที่บ้าน โยนภาระหน้าที่ทั้งหมดให้ผู้ตรวจฯ เซ็นแล้ว เซ็นอีก จนมือหงิกกันทุกคน Work from Home นะครับ หรือ แปลว่า “ลาพักร้อน” ยิ่งแทงหนังสือแนบท้าย ทำนองนี้ “โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบอย่าทำให้รัฐเกิดความเสียหาย” หรือ “พิจารณาให้รอบคอบอีกครั้ง” พระเจ้าช่วย!! งานกระทรวงที่เคยวิ่งได้ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เชื่อว่า วันนี้ “เต่าคลานยังเร็วกว่าอีก”
เรื่องที่ 120 ไม่ใช่…ข้อเสนอลอยๆ เสียแล้ว ดูเหมือนเหตุผลสนับสนุนให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท จากฝั่งของธปท. ไม่เพียงดูเป็นจริงเป็นจัง หากแต่ได้รับการสนับสนุนจากนายแบงก์ใหญ่และนักธุรกิจระดับชาติหลายคน ล่าสุด “เศรษฐา ทวีสิน” นายใหญ่ค่ายอสังหาฯ “แสนสิริ” หนุนเต็มที่ เหตุเพราะเศรษฐกิจไทยดำดิ่งได้ลึกเกินกว่าจะคาดเดาได้ แม้ไม่พูดตรงๆ ระหว่างร่วม “คลับเฮ้าส์” ของสื่อข่าวสด (ค่ายมติชน) แต่แปลความได้ว่า…ฝีมือในการบริหารประเทศ ทั้งเรื่องระบบเศรษฐกิจและการรับมือปัญหาโควิดของรัฐบาลชุดนี้ นอกจากสอบตกแล้ว ยังได้ศูนย์คะแนนอีกด้วย เวรกรรมจริงๆ
เหตุผลที่ “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการฯ ธปท. ยืนยันในหลักการ “กู้เพิ่ม 1 ล้านล้านบาท” เพราะ…ข้อมูลลึกๆ ที่ถืออยู่ในมือ ไม่สามารถบอกสังคมไทยรับรู้ได้!!! แต่ไม่ต้องห่วง…ข้อมูลบางส่วน ธนาคารโลกบอกมาแล้ว…เศรษฐกิจไทยกำลังจะเจ๊งทั้งระบบ ช่องว่างระหว่าง “รวย-จน” ห่าง… ถ่าง มากขึ้น ทั้งกว้างและไกล ฝั่งคนจน…เริ่มจนทั้งแผ่นดิน ยอดความจนพุ่งทะลุ 100% หรือ “เท่าตัว” ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตัวเลขกลมๆ คือ มีคนจนในไทยราว 40 ล้านคน หรือเกือบ 2 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่ คนรวยกระจุกเดียว ใครเป็นใครบ้าง เช็คข่าว 100 มหาเศรษฐีของ “Frobes” ล่าสุดได้เลย แต่ที่น่าเจ็บใจ…คนรวย ล้วนเป็นเครือข่ายใกล้ชิดรัฐบาล!!
ธนาคารโลกยังชี้ว่า หนี้สาธารณะของไทยได้พุ่งทะลุเพดานสูงสุดในรอบ 18 ปี รวม 13 ล้านล้านบาท แตะ 88-90% ต่อจีดีพี ตรงข้ามกับสิ่งที่ ผอ.สำนักหนี้รวมถึง “โฆษกคลัง” “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ยันคนในรัฐบาล เป่าหูคนไทยตลอดเวลาว่าหนี้สาธารณะของไทยยังไม่ถึง 60% ต่อจีดีพี อันเป็นเพดานสูงสุดที่ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ตีกรอบไว้
แวะมาดูใจคนอื่นกันบ้าง เรื่องที่ 121 ตกใจไปทั้งอำเภอ…เมื่อศูนย์ตรวจโควิดโคราช พบ คลัสเตอร์โรงงานแปรรูปไก่ บริษัท คาร์กิลมีทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ต.กระโทก อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ได้แพร่เชื้อไปยังบุคคลในครอบครัว และยังแพร่กระจายไปในพื้นที่ 10 อำเภอ ประกอบด้วย อ.หนองบุญมาก อ.เสิงสาง อ.ครบุรี อ.วังน้ำเขียว อ.ปักธงชัย อ.พระทองคำ อ.เมือง อ.โชคชัย อ.โนนไทย และ อ.จักราช ทั้งๆ ที่บริษัทก็ได้ดำเนินมาตรการ Bubble and Seal เพื่อควบคุมการระบาดในโรงงานและป้องกันไม่ให้แพร่ระบาดสู่ชุมชน จนกลายเป็นปัญหาใหม่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งแก้ไขกันวุ่นวาย
สืบแล้ว เจ้าหน้าที่ถึงกับอึ้ง เพราะพบว่า ผู้ควบคุมดูแลในพื้นที่ ไม่มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ระบบปรับอากาศไม่ได้ล้างทำความสะอาด การจัดการขยะมูลฝอยไม่ถูกหลักสุขาภิบาล การจัดระเบียบที่นั่งบนรถโดยสาร การคัดแยกกลุ่มเสี่ยง การเคลื่อนย้ายผู้เข้าพักและข้อมูลผู้ป่วยการประสาน โรงงานไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร ต้องบอกว่า ไม่มีความรู้เลยจริงๆ งานนี้ จึงต้องจับเทรนกันใหม่ทั้งหมด โดยมีสาธารณสุขจังหวัดเข้าไปช่วยคัดกรอง คัดแยกพนักงานโรงงาน ส่งผู้ป่วยเข้ามาสู่ Bubble and Seal ห้ามเข้าออกในพื้นที่ อบรมกันตั้งแต่ต้นทางจนจบ จะมีเครสแบบนี้ ในโรงงานอื่นอีกหรือไม่ เจ้าหน้าที่ก็ต้องเร่งเข้าไปตรวจสอบ เพราะผู้ติดเชื้อในโรงงาน ยังไม่ลดสักที…
เรื่องที่ 122 ทำงานเร็ว…หลังจาก ครม.เมื่อ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา จำนวน 8 คน เพื่อคัดเลือก กรรมการกำกับกิจการพลังงาน จำนวน 3 คน ที่จะครบวาระปลายเดือนก.ย.นี้ เลขาฯ กกพ. “คมกฤช ตันตระวาณิชย์” ก็ไม่รอช้า ออกประกาศเชิญชวนผู้ที่ประสงค์จะสมัครเป็นกรรมการกำกับกิจการพลังงานในทันที โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 3 ก.ย.2564 … นับวันเวลา กระบวนการสรรหา ไม่ถึงเดือน ต้องเสนอ ครม.เห็นชอบได้ทันตามกรอบเวลาที่กำหนด ตามขั้นตอนของกฎหมาย ภายในเดือนก.ย.นี้อย่างแน่นอน ที่เป็นเช่นนี้ก็ เพราะทำตามคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อไหร่ อย่างไร ไปค้นหากันเอง
ขอเก็บตกสภาประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 วาระ 2 มาราธอน 4 วัน เป็นเรื่องที่ 123 อภิปรายได้ดีมีข้อมูล มีเหตุผล ยกให้พรรคน้องใหม่อย่าง “ก้าวไกล” ชื่นชมกับเตรียมตัวมาดี การบ้านมาอย่างหนัก สามารถชี้ให้ประชาชนเห็นได้อย่างชัดเจนว่างบประมาณส่วนไหนจำเป็น และส่วนใดควรตัดทิ้งเสีย
ส่วนพรรคเพื่อไทย เน้นการอภิปรายบ้านๆ อภิปรายในภาพรวม ไม่เน้นลงลึกในรายละเอียด ทำให้ประชาชนมองไม่เห็นชัดเจนว่า ส่วนใดจำเป็นต้องตัด ส่วนใดจำเป็นคงไว้เช่นเดิม เพราะดูๆ แล้ว เหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจยังไงยังงั้น
ส่วนคู่เอก การพิจารณางบวาระ 2 ครั้งนี้ คือ “โจ้” ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” กรรมาธิการฯในสัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่อาศัยเวทีสภาเล่นงานซึ่งกันและกันอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน
ยุทธพงศ์ กล่าวหาว่า เรืองไกร อวดรู้ โชว์เก่ง แต่ขโมยข้าวสภากิน เพราะเรืองไกร กินข้าวของ ส.ส.แต่ไม่ใช่ ส.ส. ด้าน “เรืองไกร” ไม่หวั่นไหวกับข้อกล่าวหา แถบทิ้งท้ายด้วยการเย้ยพรรคเพื่อไทย โดยชูป้ายข้อความ “นายกฯตู่อยู่ยาวๆ” กลางสภา เรียกว่า “แสบ” เอาการ
นั่นเพราะ “เรืองไกร” รู้ว่าข้อความ “นายกฯตู่อยู่ยาวๆ” เป็นสิ่งที่แสลงใจพรรคเพื่อไทยมากทีเดียว
ก่อนจบ มีเรื่องอยากเรียนทุกท่าน ใครมีข้อมูลอะไรดี โปรดอย่าเก็บไว้ ส่งมาให้ช่วยเชียร์ได้นะครับ เรื่องดีๆ ก็ชอบ เรื่องไม่ดี ยิ่งชอบใหญ่เลย ล่าสุด มีผู้ใหญ่น่ารัก ฝากความเห็นเรื่องโยกย้ายข้าราชการกระทรวงการคลัง ไม่ว่าครั้งนี้ หรือคราวหน้า ควรเลือกคนที่มีประสบการณ์งานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ มีความเข้าใจภาพรวมเศรษฐกิจและการเชื่อมโยงมองเห็นเหตุการณ์ทะลุลวง
ส่วนเงินกู้ใหม่จะ 500,000 ล้านบาท หรืออีก 1 ล้านล้านบาท รัฐบาลควรมีกลยุทธ์จะแบ่งเป็นกลุ่มๆ และต้องเน้นการพัฒนาประเทศระยะกลาง เอามาแจกเพื่อบริโภคไม่มีความยั่งยืน ไม่ดี แต่ควรจะเน้นคนวัยทำงาน ทำโครงการฝึกอบรม ถ้าเข้าร่วมโครงการแล้วได้เงินพิเศษ ผู้สูงอายุต้องทำเป็นโครงการพิเศษ สรุปคือ ต้องทำให้เงินมีค่า ไม่ใช่คนในประเทศนั่งรอรัฐบาลจะแจกอะไรเมื่อไร สวัสดีครับ!!
โดย นพวัชร์