สิ้นสุดโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 (โครงการฯ) ระหว่างวันที่ 3 เมษายน – 15 พฤษภาคม 2560
มีผู้ลงทะเบียนจำนวนประมาณ 14.1 ล้านคน (ตัวเลขเบื้องต้น) หลังจากนี้กระทรวงการคลังจะเปิดให้ตรวจสอบรายชื่อผู้ที่มาลงทะเบียน นำข้อมูลทั้งหมดไปตรวจสอบคุณสมบัติ และเปิดให้ตรวจผลการตรวจสอบคุณสมบัติต่อไป โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. ผู้มาลงทะเบียนในโครงการฯ ระหว่างวันที่ 3 เมษายน – 15 พฤษภาคม 2560 เบื้องต้น
มีจำนวนผู้ลงทะเบียน 14.1 ล้านคน ผ่าน 5 หน่วยงานรับลงทะเบียน ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน (ธ.ออมสิน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธ.กรุงไทย) สำนักงานคลังจังหวัด และสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร มากกว่าโครงการฯ ในปี 2559 ที่มีจำนวน 8.3 ล้านคน
2. ขั้นตอนการดำเนินการหลังจากปิดโครงการ
2.1 การตรวจสอบรายชื่อในระบบการลงทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ถึงวันที่
2 มิถุนายน 2560 ได้ 7 ช่องทาง ได้แก่
1) เว็บไซต์ 3 เว็บไซต์ ได้แก่ www.epayment.go.th www.mof.go.th และ www.fpo.go.th โดยพิมพ์เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักลงไป ระบบจะแจ้งว่ามีชื่อหรือไม่มีชื่อในระบบการลงทะเบียน 2) Call center ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 1359 3) Call center ของ ธ.ก.ส. 02-555-0555 4) Call center ของ ธ.ออมสิน 1115 5) Call center ของ ธ.กรุงไทย 02-111-1111 6)Call center ของกรมบัญชีกลาง 02-270-6400 และ 7) เบอร์โทรของสำนักงานเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต ผลการตรวจสอบสามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี ดังนี้
(1) ในกรณีที่ผู้ลงทะเบียนมีชื่ออยู่ในระบบแล้ว ให้รอผลการตรวจคุณสมบัติต่อไป
(2) ในกรณีที่ผู้ลงทะเบียนไม่มีชื่ออยู่ในระบบ ให้นำเอกสารหลักฐานจากแบบฟอร์มลงทะเบียนที่เจ้าหน้าที่ฉีกให้ในวันลงทะเบียนไปยืนยัน พร้อมนำบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ลงทะเบียนไปติดต่อ
ที่หน่วยรับลงทะเบียนที่ไปลงทะเบียนไว้ ภายในวันที่ 2 มิถุนายน 2560 เพื่อให้เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลลงในระบบ และดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติต่อไป ทั้งนี้ ให้นำเอกสารหลักฐานดังกล่าวไปติดต่อเจ้าหน้าที่ภายในระยะเวลา
ที่กำหนด มิฉะนั้นผู้ลงทะเบียนจะถูกตัดสิทธิในการได้รับสวัสดิการ
2.2 การตรวจสอบผลการตรวจสอบคุณสมบัติทั้ง 5 ข้อ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2560
เป็นต้นไป ผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบว่าตนเองมีคุณสมบัติครบถ้วนทั้ง 5 ข้อตามที่ระบุไว้ในโครงการฯ หรือไม่
ผ่านเว็บไซต์และโทรสายด่วนข้างต้น โดยพิมพ์หรือแจ้งเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก เช่นเดียวกับการตรวจสอบรายชื่อในข้อ 2.1 ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี ดังนี้
(1) ในกรณีที่ผู้ลงทะเบียนผ่านคุณสมบัติ จะเป็นผู้มีสิทธิได้รับสวัสดิการตามที่รัฐกำหนด และรัฐจะดำเนินการออกบัตรสวัสดิการให้ต่อไป
(2) ในกรณีที่ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านคุณสมบัติ ระบบจะแจ้งว่าไม่ผ่านคุณสมบัติข้อใด
ในเบื้องต้นหากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลการตรวจสอบคุณสมบัติ สามารถโทรสายด่วน 1359 ในเวลาราชการ
เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ หากเห็นว่าข้อมูลไม่ถูกต้องให้ติดต่อหน่วยงานรับลงทะเบียนและดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31สิงหาคม 2560 เพื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้นำไปเข้ากระบวนการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจะได้รับบัตรสวัสดิการที่ออกโดยกระทรวงการคลัง ส่วนการรับบัตรและการใช้บัตรสวัสดิการ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้ทราบต่อไป