ททบ.5 – ก.เกษตรฯ ขายสินค้าเกษตรไทยให้จีนผ่าน JD.com
“ททบ.5-ก.เกษตรฯ” ดึง “JD” ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจีน คัดสินค้าเกษตร-สินค้าไทยระดับพรีเมียม บุกตลาดจีน เพิ่มรายได้ผู้ผลิตสินค้าเกษตร พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ตั้งเป้าขายทุเรียนปีนี้ 5 หมื่นตัน
พล.ท.รังษี กิติญาณทรัพย์ กก.ผอ.ใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 กล่าวว่า ภาคการเกษตรถือเป็นอีกภารกิจด้านความมั่นคงของชาติ ที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยเหลือเกษตรกรไทย ทั้งนี้ จากปัญหาเศรษฐกิจที่ถดถอยเพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เกษตรกรไทยได้รับผลกระทบเหมือนเช่นภาคส่วนอื่นๆ ททบ.5 ในฐานะตัวแทนกองทัพบก จึงประกาศจับมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดึงพันธมิตร อย่าง “JD” ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซประเทศจีน นำสินค้าเกษตรไทย เช่น ทุเรียน ข้าวหอมมะลิ รวมทั้งสินค้าผ้าไหมไทย เครื่องสำอาง เครื่องหนัง ฯลฯ ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ “เจดีดอทคอม” (JD.com) โดยเน้นสินค้าระดับพรีเมียมเป็นหลัก
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ททบ.5 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเจดีดอทคอม ได้ประชุมหารือความร่วมมือในการนำสินค้าเกษตรและสินค้าไทยขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ “เจดีดอทคอม” (JD.com) โคยคาคว่าภายใน 2 สัปดาห์จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่า จะนำสินค้าใดขายในช่องทางดังกล่าวได้ก่อน
ซึ่งการนำเสนอสินค้าเกษตรขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ JD.com โดนจะเป็นการไลฟ์สด ส่งตรงไปยังลูกค้าสมาชิกของเจดีดอทคอม ซึ่งทางเจดีดอทคอม จะเป็นผู้รับออร์เดอร์ให้ไทย และส่งออร์เดอร์ดังกล่าว กลับมาให้ OHLALA SHOPPING.com ซึ่งเป็นตัวกลางแพลตฟอร์มออนไลน์ของไทย เพื่อเตรียมออร์เดอร์ส่งกลับไปยังประเทศจีน โดยจะใช้เวลาจัดส่งถึงมือผู้บริโภคชาวจีนภายใน 2 วัน
“แฟลตฟอร์ม OHLALA SHOPPING.com จะเป็นตัวกลางในการจัดหาสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพและมูลค่าสูง โดยเฉพาะทุเรียนมาจัดส่งให้กับลูกค้าชาวจีน โดยจะเชื่อมต่อกับเจดีดอทคอม ที่มีประสบการณ์และเครือข่ายในประเทศจีน ที่สามารถจัดส่งสินค้าให้ได้ในวันรุ่งขึ้น ส่วนตลาดในประเทศ ทาง OHLALA SHOPPING.com จะทำเอง โดยดึงไปรษณีย์ไทย มาร่วมในการจัดส่งสินค้าเกษตรให้ถึงมือลูกค้า”พล.ท.รังษี ย้ำและคาดว่า ในปีนี้ จะสามารถขายทุเรียนผ่านเจดีดอทคอม ได้ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นตัน
ด้าน นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า แนวคิดการจับมือกับ “เจดีดอทคอม” นำเสนอสินค้าเกษตรไทยไปสู่มือผู้บริโภคชาวจีนผ่านระบบออนไลน์ของทางททบ.5 ครั้งนี้ ถือว่าเป็นระบบการขายรูปแบบใหม่ หรือเป็นอนาคตแห่งการขายสินค้าเกษตรที่เปลี่ยนจากการขายในช่องทางปกติ มาใช้ระบบออนไลน์ขายล่วงหน้า ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการยกระดับสินค้าเกษตรไทย ช่วยแก้ปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาดช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ช่วยสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับภาคการเกษตร ซึ่งหลังจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะทำการคัดเลือกสินค้าเกษตรที่ดีได้ผลิตผลที่มีคุณภาพ และปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคเข้าร่วมโครงการ พร้อมเชิญชวนเกษตรกรที่สนใจ ได้นำสินค้าเข้าร่วมโครงการและขยายตลาดสู่ต่างประเทศมากขึ้น
“กระทรวงเกษตรฯ ขอขอบคุณ ททบ.5 ที่ริเริ่มโครงการที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรทั้งประเทศ ซึ่งรูปแบบการนำเสนอสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ นับว่ามีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรเป็นอย่างมาก ถือเป็นการยกระดับสินค้าเกษตรให้ดีขึ้นในระยะยาว และผลักดันสินค้าเกษตรกรรมไทยไปสู่มือผู้บริโภคชาวจีนได้มากขึ้น นับเป็นช่องทางอนาคตที่สินค้าเกษตรไทยจะทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้นด้วย”นายฉันทานนท์ กล่าว
สำหรับ JD.com ปัจจุบันคือ ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีน จนได้รับการขนานนามว่าป็น อเมซอนแห่งจีน ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยมี นายริชาร์ด หลิวเป็นผู้ก่อตั้ง
ทั้งนี้ JD.com มีจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่ง 2 ประการ ได้แก่ 1.วางตัวเองตั้งแต่เริ่มธุรกิจว่า เป็นอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มที่จำหน่ายสินค้าของแท้เท่านั้น เพื่อความเชื่อมั่นในตัวสินค้าที่จำหน่าย และ 2.การมีระบบขนส่งเป็นของตัวเอง เพื่อควบคุมประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ดีในแพลตฟอร์ม JD.Com ตั้งแต่หน้าร้านค้าไปถึงมือผู้บริโภค
ทั้งนี้ มีรายงานประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2563 ที่ผ่านมา มีรายได้รวม 28,457 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 33.8% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2562 และมีกำไรสุทธิ 2,328 ล้านดอลลาร์.