ฟิลิปปินส์ลำบากรับมือผู้อพยพภูเขาไฟตาอัล
เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ทางการฟิลิปปินส์ประสบความลำบากในการจัดการกับผู้อพยพหลายพันคนไม่ให้เดินทางกลับบ้านในบริเวณที่มีความเสี่ยงจากการปะทุของภูเขาไฟตาอัล
มีประชาชนราว 4 หมื่นคนที่อาศัยอยู่ในศุนย์พักพิงหลายแห่ง ตั้งแต่ภูเขาไฟตาอัลเริ่มพ่นควันเถ้าถ่านและลาวาพุ่งเป็นฝอยมาตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา
โดยตำรวจตั้งด่านตรวจเพื่อสกัดไม่ให้คนเดินทางเข้าไปในพื้นที่ห้ามเข้า และในพื้นที่อพยพในหลายเมืองที่มีความเสี่ยงโดยรอบภูเขาไฟตาอัล ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางใต้ประมาณ 65 กม.
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ประชาชนเริ่มหมดความอดทนและต้องการกลับบ้าน แม้หน่วยงานที่กำกับดูแลเหตุแผ่นดินไหวจะเตือนว่า ภูเขาไฟอาจปะทุรุนแรงขึ้นมากกว่านี้ในเวลาใดก็ได้
Melvin Casilao ระบุว่า เขาและเพื่อนบ้านในเมืองทาลีเซย์อยากจะไปให้อาหารสัตว์ที่เลี้ยงไว้ , ทำความสะอาดเถ้าถ่านหนาที่ทับถมบนหลังคา และเก็บเรือขึ้นมาจากน้ำ
ชุมชุนของพวกเขาอยู่ในพื้นที่อ่าวของทะเลสาบที่กว้างใหญ๋ล้อมรอบภูเขาไฟตาอัล ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม แม้จะเป็นภูเขาไฟที่ปะทุบ่อยที่สุดในประเทศก็ตาม
“ เราอยากกลับบ้านและล้างทำความสะอาดหลังคา มันคงโดนเถ้าถ่านทับถมกันจนหนาทึบ และหลังคาอาจพังทรุดลงมาก็ได้ ” Casilao กล่าวกับสื่อ AFP
มีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารประจำการที่จุดตรวจในบางพื้นที่ รวมทั้งเมืองทาลีเซย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ Sarah Jane Saballa ระบุว่า “ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ”
ประชาชนรอบภูเขาไฟตาอัลต้องรีบอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงอย่างฉุกละหุก ทำให้หลายคนออกจากบ้านพร้อมสะพายเป้บนหลังที่มีเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุด
เนื่องจากภูเขาไฟมีอาการสงบลงเล็กน้อยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาและพ่นเถ้าถ่านออกมาน้อยลง ทำให้ผู้อพยพมีความรู้สึกอยากเดินทางกลับบ้านมากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญแผ่นดินไหวระบุว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวและรอยแยกมากขึ้นบนถนน ชี้ว่าแมกมายังคงเคลื่อนไหวอยู่ และภูเขาไฟตาอัลยังมีอันตรายมาก
อย่างไรก็ตาม ในบางพื้นที่มีการผ่อนผันให้ประชาชนเดินทางเข้าไปได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ แม้จะยังมีความเสี่ยงอยู่มากก็ตาม
“ มีชาวบ้านหลายคนที่มาขอเราให้อนุญาตพวกเขาไปให้อาหารสัตว์ที่เลี้ยงไว้ แต่หลังจากให้อาหารเสร็จแล้ว พวกเขาก็ไม่รีบออกมาอย่างที่เราเตือน ” Gerry Malipon ผู้กำกับตำรวจเมืองซานนิโคลัสกล่าว.