GDP อินโดฯ Q3 โต 5.02% ชะลอตัวสุดใน 2 ปี
เศรษฐกิจของอินโดนีเซียเติบโต 5.02% ในไตรมาส 3 ชะลอตัวต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี จากการลงทุนที่ลดลง เป็นผลมาจากสงครามการค้าสหรัฐฯ – จีนที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก
สำนักงานสถิติแห่งอินโดนีเซีย ( BPS) ประกาศเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ว่าการลงทุนที่ซบเซาและการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลที่ลดลง รวมทั้งราคาโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำบั่นทอนดีมานด์ทั่วโลก ส่งผลกระทบฉุดการเติบโตในไตรมาส 3
“ สถานการณ์การเมืองที่ผันผวน (ในไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ) มีอิทธิพลกับภาคเอกชนในการตัดสินใจที่จะลงทุน” ซูฮาริยันโต ผอ.BPS กล่าวกับสื่อในการแถลงข่าวในกรุงจาการ์ตา
เขาแสดงความหวังว่าการลงทุนจะฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากความผันผวนทางการเมืองได้รับการแก้ไขหลังจากประธานาธิบดีโจโค วิโดโดชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีของอินโดนีเซียอีกเป็นสมัยที่ 2
การเติบโตของการลงทุนลดลงมาอยู่ที่ 4.21% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีการเติบโตอยู่ที่ 6.96% โดยการลงทุนชะลอตัวชัดเจนในภาคเครื่องจักรและอุปกรณ์ ขณะที่ในภาคยานยนต์และทรัพย์สินทางปัญญาก็ลดลงเช่นกัน
การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลเติบโตเพียง 0.98% ในไตรมาส 3 ลดฮวบลงจากที่เคยเติบโตถึง 6.27% ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่การใช้จ่ายด้านสินค้าและบริการ และบริการทางสังคมก็ลดลง ซูฮาริยันโตเสริม
การใช้จ่ายครัวเรือน ซึ่งคิดเป็นมากกว่าครึ่งของ GDP เติบโต 5.01% ในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลข 5% ในไตรมาส 3 ของปีที่แล้วเล็กน้อย โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมาจากการใช้จ่ายค่าเล่าเรียนในทุกระดับการศึกษา ค่าบ้านและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
“ ถ้าเรามองเศรษฐกิจทั่วโลก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ส่งผลทำให้เศรษฐกิจในหลายประเทศชะลอตัว” ซูฮาริยันโตกล่าวในการแถลงข่าวในกรุงจาการ์ตา
โดย GDP ในไตรมาส 3 ต่ำกว่าตัวเลข 5.05% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ และ 5.17% ในไตรมาส 3 ของปี 2561 และตัวเลขเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้จนถึงตอนนี้อยู่ที่ 5.04%
ไรอัน เคอร์ยันโต หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารกลางอินโดฯ มองว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลงจากปัจจัยภายนอก คือสงครามการค้า ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความผันผวนจากเบร็กซิท และราคาโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำ
“ ยอดส่งออกและนำเข้าไม่หนุน GDP ในแง่ของปัจจัยในประเทศ อำนาจการซื้อลดลงและราคาโภคภัณฑ์ตกต่ำทำให้การใช้จ่ายครัวเรือนซบเซาลงประมาณ 5%” Ryan ระบุในข้อความ
“การใช้จ่ายของรัฐบาลซบเซา ทำให้ไม่เพียงพอจะหนุนการเติบโต ขณะที่การลงทุนยังคงต่ำกว่าเกณฑ์ ” Ryan ระบุ โดยเขาคาดการณ์ว่า GDP ของปี 2562 นี้จะอยู่ที่ 4.95 – 5.05%.