นายกฯสิงคโปร์แย้มเลือกตั้งเร็วขึ้น
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงแห่งสิงคโปร์ระบุว่าอาจมีการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า เร็วกว่ากำหนดเดิมมากกว่าหนึ่งปี เนื่องจากสิงคโปร์ต้องรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจากสงครามการค้า
พรรค People’s Action Party (PAP) หรือพรรคกิจประชาชน ของนายกฯลี มีบทบาทสำคัญในการเมืองของสิงคโปร์มานานกว่า 5 ทศวรรษ ตั้งแต่ประเทศสิงคโปร์ได้รับอิสรภาพ โดยชนะการเลือกตั้งทุกครั้งด้วยคะแนนทิ้งห่าง และไม่เคยเผชิญกับการท้าทายอำนาจใดๆ
แต่พรรคพยายามเข้าถึงสัญญาณความไม่พอใจของผู้ใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง โดยสัญญาจะแก้ไขเรื่องความเหลื่อมล้ำทางฐานะและปรับปรุงความเคลื่อนไหวทางสังคม ขณะที่เคลื่อนไปข้างหน้าด้วยการเปลี่ยนผ่านความเป็นผู้นำด้วยการเลือกผู้สืบทอดอำนาจจากนายกฯลีในอีกหลายปีข้างหน้า
“ นี่อาจเป็นการประชุมพรรคการเมืองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งทั้วไปครั้งหน้า ” นายกฯลีกล่าวในการประชุมพรรค PAP
“ คณะกรรมการบริหารกลาง (CEC) ชุดใหม่จะนำพรรคเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย โดยเดินหน้าทำสถิติของเราต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ” ผู้นำสิงคโปร์กล่าว
โดยในการประชุมประจำปีได้ลงคะแนนเลือกคณะกรรมการบริหารกลางชุดใหม่เมื่อวันที่ 11 พ.ย.เพื่อนำไปสู่คณะรัฐมนตรีรุ่นใหม่อายุน้อย หรือที่เรียกว่า ‘ผู้นำ 4G’ จากบรรดาผู้สืบทอดที่นายกฯลีได้คัดสรรไว้
ทั้งนี้ 7 สมาชิกอาวุโสของพรรคซึ่งเคยเป็นผู้นำพรรคและรัฐบาล รวมทั้ง 2 รมช.ในคณะรัฐบาลปัจจุบัน ได้เกษียณตัวเองออกจากคณะกรรมการ
ธนาคารกลางของสิงคโปร์ได้เตือนว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนซึ่งยกระดับความตึงเครียดมากยิ่งขึ้นมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบบกับเศรษฐกิจของสิงคโปร์ และจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากกรณีพิพาททางการค้าลากยาวต่อไป
นายกฯลี ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของอดีตผู้ก่อตั้งประเทศคือลีกวนยู ย้ำชัดว่าเขาพร้อมที่จะลงจากตำแหน่งในอีก 2 – 3 ปีหน้า แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าใครเป็นผู้ถูกเลือกให้มาเป็นผู้สืบทอดอำนาจจากกลุ่มรัฐมนตรีรุ่นใหม่ที่ได้ทำงานด้วยการสรรหาจากเขา
“ พรรค PAP ต้องชนะการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าอย่างแน่นอน ” ลีกล่าวในการประชุม “ เราใช้วิถีทางในการปฏิบัติและมีความเป็นกลางในทางการเมืองของเรา และในนโยบายของเรา และเราชี้ให้เห็นถึงทิศทางที่ชัดเจนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประชาชนชาวสิงคโปร์จำนวนมาก ที่ต้องการเห็นความมีเสถียรภาพและความก้าวหน้าของประเทศอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายปี ”
ทั้งนี้ ความตกต่ำที่สุดของพรรค PAP แสดงให้เห็นในโพลล์ของปี 2554 เมื่อ 40% ของผู้ลงคะแนนเลือกตั้งไม่พอใจพรรค และมีบางส่วนที่ประท้วงเรื่องบริการสาธารณะ.