“ม.อิสลาม”ในอินโดฯแบนผ้าคลุมหน้า
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. มหาวิทยาลัยอิสลามในอินโดนีเซียต้องเผชิญกับคำวิจารณ์จากกลุ่มมุสลิมและนักเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง หลังจากสั่งห้ามไม่ให้นักศึกษาหญิงสวมผ้าคลุมแบบปิดใบหน้าหมด เห็นแค่ดวงตา เนื่องจากมีความกลัวเรื่องแนวคิดหัวรุนแรงทางศาสนาจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในมหาวิทยาลัย
อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก โดยพลเมืองส่วนใหญ่เป็นมุสลิมสายกลาง มีอิสระเสรีและไม่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมสุดโต่งเหมือนประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามอื่นๆ
ปัจจุบัน เริ่มมีกลุ่มมุสลิมที่เคร่งในศาสนาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบกับชื่อเสียงของประเทศอินโดนีเซียที่มีมาอย่างยาวนาน ทางด้านเสรีภาพในการนับถือศาสนาและความหลากหลาย
The State Islamic University (UIN) ในเมืองยอกยาการ์ตา บนเกาะชวา ระบุว่า มีนักศึกษา 41 คนที่สวมบุรกา หรือผ้าคลุมหน้าแบบปิดทั้งหมด เปิดแค่ดวงตา ซึ่งทางมหาวิทยาลัยเสนอให้มีการให้คำปรึกษา และสุดท้ายแล้วนักศึกษากลุ่มนี้จะถูกขอให้หยุดสวมผ้าคลุมหน้าแบบบุรกา หากต้องการจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้
The Islamic Defenders Front ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมทางศาสนาที่รณรงค์ต่อต้านกิจกรรมที่ไม่ใช่อิสลาม ระบุในแถลงการณ์ว่า นโยบายของมหาวิทยาลัยครั้งนี้ไม่สมเหตุสมผล และขัดแย้งกับความพยายามของประเทศที่จะปกป้องความหลากหลาย
นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีคนหนึ่งประณามสิ่งที่เธออธิบายว่า เป็นการจำกัดเสรีภาพของผู้หญิงที่จะสวมในสิ่งที่พวกเธอต้องการ
“ การใช้ผ้าคลุมแบบปิดทั้งหน้าเป็นทางเลือกหนึ่ง และเราไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงในทางเลือกและเสรีภาพของพวกเธอ ” นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีที่ชื่อ Lathiefah Widuri Retyaningtyas ให้ความเห็น
Yudian Wahyudi อธิการบดีมหาวิทยาลัย กล่าวว่า การสร้างแนวความคิดแบบหัวรุนแรง ตัวอย่างเช่น การสวมบุรกา เป็นการกัดเซาะและบ่อนทำลายการเรียนรู้ไปทีละน้อย
“ นักศึกษาหญิงที่สวมบุรกา และกลุ่มที่มีแนวคิดหัวรุนแรง คนกลุ่มนี้กำลังรบกวนกระบวนการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย” อธิการบดี Yudian กล่าว
“ เรากำลังผลักดันอิสลามสายกลางให้เดินหน้าต่อไป” เขากล่าว โดยเสริมว่านโยบายของมหาวิทยาลัยเป็น ‘ กระบวนการป้องกันเพื่อช่วยให้นักศึกษาปลอดภัย’
โดยอธิการบดี Yudian ยืนยันว่า นักศึกษาหญิงได้รับอนุญาตให้สวมฮิญาบ หรือผ้าคลุมศีรษะที่ไม่ปิดบังใบหน้ามาเรียนได้ต่อไป
ผลการสำรวจเมื่อเร็วๆนี้ชี้ว่า เกือบ 1 ใน 5 ของนักเรียนระดับมัธยม และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยให้การสนับสนุนการจัดตั้งรัฐ ‘เคาะลีฟะฮ์ ’ มากกว่ารัฐบาลปัจจุบัน
ข้อมูลที่ได้ถือเป็นการเตือนทางการอินโดนีเซียว่า ต้องพยายามมากขึ้นเพื่อควบคุมอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของทั้งกลุ่มรักสันติภาพและกลุ่มก่อการร้ายจากรัฐอิสลามในประเทศ.