ชางงีพร้อมเปิด T4 สิ้นเดือนต.ค.นี้
อ้างอิงข้อมูลจาก Khaw Boon Wan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า เทอร์มินัลใหม่ในท่าอากาศยานชางงีของสิงคโปร์ เตรียมเปิดตัวในวันที่ 31 ต.ค. ที่จะถึงนี้
ในโพสต์บนเพจเฟซบุ๊กของนาย Khaw เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ระบุว่า มีการทดสอบการใช้งานกว่า 100 ครั้ง ซึ่งประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่สนามบิน 2,500 ราย และอาสาสมัครอีก 1,500 รายซึ่งได้ดำเนินการทดสอบภายในเทอร์มินัล 4 หรือ T4 นับตั้งแต่การก่อสร้างอาคารเสร็จสมบูรณ์ในเดือน ธ.ค.ปีก่อน
นาย Khaw ระบุว่า “หลังจากการทดสอบและปรับแต่งนับครั้งไม่ถ้วน เราพร้อมที่จะเปิดให้บริการ T4 แล้ว ถือเป็นก้าวใหญ่อีกก้าวที่สำคัญในการเดินทางเพื่อเป็น #airhub (ศูนย์กลางทางการบิน) ระดับโลก”
กลุ่มบริษัท ชางงี แอร์พอร์ต กรุ้ป หรือ CAG ได้ประกาศในงานแถลงเปิดตัวว่า การตรวจเช็คและปรับปรุง “อีกเล็กน้อย” จะเสร็จสิ้นทั้งหมดในระยะการเตรียมการขั้นตอนสุดท้าย
สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก และโคเรียน แอร์ ซึ่งเป็น 2 จาก 9 สายการบิน ที่ย้ายฐานมายัง T4 จะเปิดให้บริการก่อนเป็นลำดับแรกในวันที่ 31 ต.ค.
ซึ่งเที่ยวบินแรกที่ดำเนินการใน T4 จะเป็นเที่ยวบินของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก – เป็นเที่ยวที่เดินทางมาจากและกลับไปยังฮ่องกง
ส่วนอีก 7 สายการบิน จากแอร์เอเชีย กรุ๊ป (4 สายการบิน) เซบู แปซิฟิก สปริง แอร์ไลน์ และ เวียดนาม แอร์ไลน์ จะย้ายมาดำเนินการระหว่างวันที่ 2-7 พ.ย.
ท่าอากาศยานชางงีระบุว่า การเตรียมการสำหรับการให้บริการเที่ยวบิน เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ต.ค.ในปีก่อน
อาสาสมัครจากชุมชนของท่าอากาศยานและประชาชนจำหน่วยหนึ่งได้รับเชิญให้สวมบทบาทผู้โดยสารในการทดสอบระบบและขั้นตอนดำเนินการสำคัญ อย่างเช่น ระบบตรวจขาออกอัตโนมัติ
การทดสอบยังได้รับการร่วมมือจากสายการบินเชิงพาณิชย์ที่ถูกเลือกให้บริการที่ T4 ในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาอีกด้วย
เทอร์มินัลที่มีทั้งหมด 2 ชั้น และสร้างด้วยจำนวนเงินมูลค่า 985 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ถือเป็นเพชรยอดมงกุฎเม็ดล่าสุดของท่าอากาศยานชางงีเลยก็ว่าได้ เนื่องจากความสามารถในการจุผู้โดยสารทั้งหมด 16 ล้านราย ทำให้ท่าอากาศยานชางงีสามารถจุผู้โดยสารต่อปีได้มากถึง 82 ล้านรายเลยทีเดียว
นอกจากนี้แล้ว ท่าอากาศยานชางงี T4 ยังนำเทคโนโลยีการตรวจสอบขาออกอัตโนมัติมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะมีทั้งเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานบุคคลได้ถึง 20% ซึ่งนักเดินทางสามารถผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้โดยไม่ต้องพบกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเลย.