ปะทะเดือดในรัฐยะไข่
กลุ่มติดอาวุธเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐยะไข่ของเมียนมาทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 71 ราย ในจำนวนนี้รวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคง 12 นาย อ้างอิงจากรายงานของทางการ
โดยรัฐบาลระบุว่า มีมากกว่า 20 จุดที่เป็นเป้าโจมตีก่อนรุ่งเช้าของกลุ่มติดอาวุธในรัฐยะไข่ที่มีความรุนแรงเลวร้ายที่สุดมานานหลายเดือน ที่ผ่านมา รัฐยะไข่ได้รับผลกระทบจากการปะทะกันระหว่างกลุ่มคนที่เป็นมุสลิมและกลุ่มชาวพุทธมาโดยตลอด
การบุกโจมตีเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากมีรายงานเตือนว่าจะเกิดความรุนแรงกับผู้คนมากขึ้น ถ้าความตึงเครียดของกลุ่มชาติพันธุ์ยังไม่ได้รับการแก้ไข
ความตึงเครียดระหว่างกลุ่มมุสลิมกับประชาชนส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาพุทธมีมานานหลายปี ส่งผลให้ชาวโรฮินจาหลายหมื่นคนได้อพยพหนีไปบังคลาเทศ ทำให้มีการกล่าวหาว่าทางการเมียนมากดขี่และเหยียดเชื้อชาติ
ทั้งนี้ รัฐบาลเมียนมาแถลงว่า กลุ่มเบงกาลีหัวรุนแรงบุกจู่โจมสถานีตำรวจทางตอนเหนือของรัฐยะไข่ด้วยการใช้ระเบิดมือและยังมีการโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายจุดในเวลา 01.00 น.
รัฐบาลใช้คำว่า ‘เบงกาลี’ เพื่ออธิบายถึงกลุ่มมุสลิมชาวโรฮิงจา เพราะทางการยืนยันมาตลอดว่า พวกเขาเป็นกลุ่มผู้อพยพผิดกฎหมายจากบังคลาเทศ
เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังรักษาพรมแดนของบังคลาเทศรายงานว่า ได้ผลักดันชาวโรฮิงจา 350 คนที่พยายามจะหลบหนีข้ามพรมแดนกลับเข้ามาในเมียนมานับตั้งแต่เกิดการโจมตีครั้งล่าสุด โดยเจ้าหน้าที่ยังได้กล่าวว่า มีการยกระดับการรักษาความปลอดภัยตามแนวพรมแดนหลังจากการปะทะกันอย่างรุนแรง
นี่เป็นเหตุปะทะที่รุนแรงที่สุดอีกครั้งในรัฐยะไข่นับตั้งแต่เดือนต.ค. ปี 2559 ทีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 9 นาย เสียชีวิตจากการปะทะกันตามแนวชายแดน รัฐบาลกล่าวว่า เป็นการโจมตีจากกลุ่มติดอาวุธชาวโรฮิงจา
การโจมตีก่อนหน้านี้ก่อให้เกิดการปราบปรามอย่างรุนแรงจากกองทัพ ทั้งการสังหาร ข่มขืน และทำร้ายชาวโรฮิงจา ทำให้ชาวโรฮิงจาต้องหนีเข้าไปในบังคลาเทศจำนวนมาก ขณะนี้ทางสหประชาชาติกำลังสอบสวนเหตุการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยกองทัพเมียนมา ซึ่งปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรผิด
ทั้งนี้ ทางยูเอ็นระบุว่า รัฐยะไข่เป็นรัฐที่ยากจนที่สุดในเมียนมา ชาวโรฮิงจาจำนวนมากอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย และยังคงมีความหวาดระแวงระหว่างชุมชนชาวพุทธและชาวมุสลิม
เมื่อวันที่ 24 ส.ค.นายโคฟี่ อันนัน อดีตเลขาธิการยูเอ็นเตือนในรายงานว่า จำเป็นต้องมีการตอบสนองทั้งในด้านการเมือง ความมั่นคงและทางเศรษฐกิจในรัฐยะไข่เพื่อลดความตึงเครียดของชาติพันธุ์และป้องกันความรุนแรงที่มากขึ้น
ในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 25 ส.ค. เขาประนามการโจมตีและกล่าวว่า พวกเขาชี้ให้เห็นถึงความรุนแรงที่ก่อให้เกิดความกังวลเพิ่มมากขึ้น.