คาดศก.มาเลเซียไตรมาส 2 ชะลอตัว
คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของมาเลเซียจะชะลอตัวลงในไตรมาส 2 จากการบริโภคภาคเอกชนที่อ่อนแรงลง ถึงแม้การค้าจะยังคงแข็งแกร่งก็ตาม
มาเลเซียซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ในอาเซียนมีแนวโน้มจะเติบโตได้ 5.4% ในเดือนเม.ย.-พ.ค. ชะลอตัวลงจากตัวเลข 5.6% ในไตรมาสแรก อ้างอิงจากการคาดการณ์โดยเฉลี่ยของ 12 นักวิเคราะห์เศรษฐกิจในโพลล์สำรวจของรอยเตอร์
ทั้งนี้ การเติบโตในไตรมาสแรกเป็นตัวเลขที่แข็งแกร่งที่สุดของมาเลเซียในรอบ 2 ปี แต่ดูเหมือนจะแผ่วลงในไตรมาส 2 Vaninder Singh จาก NatWest Markets กล่าวในรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับกลางๆ ธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) ยังคงอัตราดอกเบี้ยเดิมไว้ที่ 3.0% ตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2559 ที่หั่นดอกเบี้ยลงไป 0.25% ผลผลิตปูนซีเมนต์ทรุดลง 17.1% ในเดือนมี.ค.-พ.ค. เมื่อเทียบกับการเติบโต 9.6% ในไตรมาสก่อนหน้า
ราคาน้ำมันดิบก็ลดลงประมาณ 10% หลังจากความพยายามที่จะหนุนให้ราคาสูงขึ้นไม่เป็นผล ทั้งนี้ มาเลเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ในภูมิภาค
การส่งออกมีสัญญาณของความอ่อนแรงลงหลังจากผ่านช่วงแข็งแกร่งไปแล้ว โดยตัวเลขส่งออกเติบโตอยู่ที่ 10% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ 15.8% จากโพลล์ของรอยเตอร์ และจัดว่าซบเซาลงมากเมื่อเทียบกับตัวเลข 32.5% ในเดือนพ.ค.
แต่นักวิเคราะห์จาก Nomura แย้งว่า ตัวเลขที่ชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย.อาจเป็นเพียงชั่วคราว โดยชี้ให้เห็นถึงดีมานด์ทั่วโลกที่พุ่งทะยานขึ้น
การบริโภคภาคเอกชนดูจะลดลงเช่นกันในไตรมาส 2 ถึงแม้ค่าแรงและจำนวนการจ้างงานยังคงมีส่วนสนับสนุนอยู่ก็ตาม ธนาคาร HSBC ระบุในรายงาน
“เราคาดการณ์ว่าโมเมนตัมโดยรวมจะยังคงดีอยู่ในเศรษฐกิจส่วนใหญ่” อ้างอิงจากความเห็นของธนาคาร ถึงแม้ดีมานด์ในประเทศจะเพิ่มขึ้น แต่ครัวเรือนในมาเลเซียส่วนใหญ่ล้วนมีระดับหนี้สูงขึ้น โดย Capital Economics ประเมินว่าจะอยู่ที่ 90% ของจีดีพี
ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจมีความสำคัญต่อนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ซึ่งดูเหมือนคะแนนนิยมในตัวเขาจะร่วงลงมาจากค่าครองขีพในประเทศที่ปรับสูงขึ้น และมีความท้าทายเพิ่มขึ้นจากอดีตผู้นำของมาเลเซียซึ่งทรงอิทธิพลมายาวนานอย่างมหาธีร์ โมฮัมมัด ที่เพิ่งตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม นายกฯนาจิบ ดูเหมือนต้องการจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่และแจกเงินให้แก่ฐานเสียงของเขาซึ่งอยู่ในชนบทและเป็นผู้มีรายได้น้อยในปีงบประมาณหน้าเพื่อคว้าชัยในการเลือกตั้งในปี 2561 อ้างอิงจากความเห็นของ Nomura.