กัมพูชาห้ามส่งออกทรายถาวร
กัมพูชาประกาศห้ามส่งออกทรายเป็นการถาวร เท่ากับเป็นการปิดฉากการขายทรายให้สิงคโปร์ที่เคยนำเข้าทรายจากกัมพูชามานานหลายปีเพื่อไปถมทะเลเพิ่มพื้นที่ให้ประเทศ
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกล่าวว่า การขุดทรายและการทำเหมืองขุดส่งผลกระทบร้ายแรงทำลายระบบนิเวศน์บริเวณชายฝั่ง เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลเคยออกคำสั่งห้ามส่งออกทรายเป็นการชั่วคราว แต่ฝ่ายนักเคลื่อนไหวรายงานว่า ยังคงมีการลักลอบขุดทรายและส่งออกอย่างผิดกฎหมายต่อมาเรื่อยๆ
โดยสิงคโปร์นำเข้าทรายจากกัมพูชามากกว่า 72 ล้านตันตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา อ้างอิงจากตัวเลขขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งตัวเลขนี้ขัดแย้งกับตัวเลขของรัฐบาลที่รายงานว่า สิงคโปร์นำเข้าทรายจากกัมพูชาเพียง 16 ล้านตันในช่วงเวลาที่ผ่านมา
สิงคโปร์ขยายพื้นที่ของประเทศไปในพื้นที่ทะเลมากกว่า 20% นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 2508 และถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อรองรับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นของประเทศ
ทั้งนี้ ทรายเป็นส่วนสำคัญในการปรับสภาพพื้นดิน แต่จากโครงการล่าสุด สิงคโปร์เริ่มทดลองใช้เทคนิคในการปรับสภาพพื้นดินที่ใช้ทรายน้อยลง
โฆษกกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ของกัมพูชากล่าวว่า การห้ามส่งออกทรายอย่างถาวรเป็นการตอบสนองต่อความกังวลเรื่องสภาพแวดล้อม
“ ความกังวลว่าจะส่งผลต่อสภาพแวดล้อมในวงกว้างเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทางกระทรวงจึงตัดสินใจห้ามการส่งออกทรายอย่างถาวร และในสเกลที่ใหญ่ขึ้นคือห้ามทำเหมืองขุดทราย ” เขากล่าว
ประเทศอื่นๆ ได้มีมาตรการห้ามส่งออกทรายในหลากหลายรูปแบบออกมาก่อนหน้านี้ โดยมาเลเซียประกาศคำสั่งห้ามส่งออกทรายเมื่อปี 2540 ขณะที่อินโดนีเซียประกาศห้ามส่งออกทรายไปสิงคโปร์ในปี 2550
กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมมีความหวังว่าการห้ามส่งออกจะเป็นการช่วยไม่ให้เกิดการค้าทราย ซึ่งพวกเขามองว่าสร้างความเสียหายและทำลายสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
“ ผมคิดว่ามันจะต่างจากเดิม มันจะไม่ง่ายสำหรับบริษัททำเหมืองทรายที่จะยังคงส่งออกทรายต่อไป ” อเลจานโดร กอนซาเลซ-เดวิดสัน นักเคลื่อนไหวของกลุ่ม Mother Nature ให้ความเห็น
ความสนใจจากสื่อและนักเคลื่อนไหวในด้านการค้าทรายจะทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับบริษัทที่จะลักลอบทำผิดกฎหมายต่อไป.