นายกฯสิงคโปร์ไม่อยากฟ้องพี่น้อง
นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงของสิงคโปร์กล่าวเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ว่า เขาต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการฟ้องร้องทางกฎหมายกับน้องชายและน้องสาวที่กล่าวหาและหมิ่นประมาทว่าเขาใช้อำนาจในทางที่มิชอบในกรณีพิพาทเกี่ยวกับบ้านของบิดาผู้ล่วงลับ
เรื่องราวความขัดแย้งระหว่างสายเลือดผู้เป็นทายาทของอดีตนายกรัฐมนตรีลีกวนยู ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์และเป็นผู้สร้างความเจริญให้แก่ประเทศอย่างสูงสุด กลายเป็นข่าวฉาวที่เขย่าชื่อเสียงของประเทศสิงคโปร์อย่างรุนแรงในช่วงกลางเดือนมิ.ย. เมื่อผู้เป็นน้องสาวและน้องชายของนายกฯ ลี
โพสต์ข้อความกล่าวหาพี่ชายในประเด็นความขัดแย้งเรื่องพินัยกรรมของบิดาเกี่ยวกับบ้านบนถนนอ็อกซ์ลีย์ในโลกออนไลน์
“ ที่จริงแล้ว หากเป็นสถานการณ์ปกติ หรือเป็นสถานการณ์ที่คาดเดาได้อื่นๆ ผมจะฟ้องร้องในทันที ”
นายกฯลี กล่าวในการอภิปรายในสภาเป็นวาระพิเศษ ก่อนที่จะรับฟังข้อซักถามจากสมาชิกในสภา
ผู้นำคนปัจจุบันของสิงคโปร์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาเหมือนเป็นการสาดโคลนใส่ชื่อเสียงของบิดา ขณะที่กระบวนการทางกฎหมายจะทำให้ชาวสิงคโปร์รู้สึกงุนงงสงสัยและวิตกกังวลไปอีกนาน
“ ดังนั้น การสู้กันในศาลจึงไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ ” นายกฯลีกล่าว
ลีเซียนหยาง น้องชายและลีเว่ยหลิง น้องสาวของนายกฯลี กล่าวหาว่าเขาใช้อำนาจในทางที่มิชอบในกรณีพิพาทเกี่ยวกับบ้านเก่าของครอบครัวเลขที่ 38 บนถนนอ็อกซ์ลีย์ และกลัวว่านายกฯลีจะใช้อำนาจรัฐ
ที่มีอยู่ในมือทำร้ายพวกเขา โดยลีเซียนหยาง ผู้เป็นน้องชายกล่าวว่า เขาและภรรยาผู้เป็นนักกฎหมายอาจต้องเดินทางหนีออกจากสิงคโปร์เพราะรู้สึกว่าถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด และมีบรรยากาศความไม่เป็นมิตรอยู่รอบตัวเขา
โดยนายกฯลีได้ออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และกล่าวว่า เขารู้สึกผิดหวังที่น้องๆ ออกมาป่าวประกาศปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัวให้สาธารณชนรับรู้
ทั้งนี้ น้องๆ ของนายกฯลีต้องการให้มีการทุบบ้านทิ้งตามความประสงค์ในพินัยกรรมของบิดา แทนที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของอนุสรณ์สถานเพื่อเชิดชูเกียรติอดีตนายกฯลีกวนยู
โลเทียเกียง หัวหน้าพรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านวิจารณ์นายกฯลีที่ไม่นำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาล โดยกล่าวว่าไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากพลเมืองคนอื่น เขายังเสริมว่า หากน้องๆ ของนายกฯลี มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้ว่าผู้นำสิงคโปร์โกหก หรือใช้อำนาจในทางที่มิชอบจริง พวกเขาก็ควรจะเล่าให้ทุกคนรับรู้ แทนที่จะใช้สื่อที่ทำให้ชาวสิงคโปร์เกิดความสงสัยใคร่รู้
ทั้งนี้ นายกฯ ลีกล่าวสรุปว่า “ จากเรื่องบ้าน และสิ่งที่ช่วยขับออร่าของผมในฐานะนายกฯ หากผมจำเป็นต้องใช้ทรัพย์สินที่มีความมหัศจรรย์เพื่อหนุนตำแหน่งผม แม้ผมจะเป็นนายกฯมานานถึง 13 ปีแล้วก็ตาม ผมคงต้องเป็นคนที่น่าเศร้ามาก ”.