รถนำเข้าในลาวโตต่อเนื่อง
กรมโยธาธิการและขนส่งคาดการณ์ว่า ปริมาณรถยนต์ที่ลาวนำเข้าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ประมาณ 10% ถึงแม้ยอดรถยนต์โดยรวมจะชะลอตัวลงในไตรมาสแรกของปีนี้
โดยทางการของลาวชี้ว่า การนำเข้ารถยนต์ชะลอตัวเนื่องจากดีลเลอร์ส่วนใหญ่พยายามดันขายรถยนต์ที่คงค้างอยู่ในสต็อกให้หมดก่อน
อย่างไรก็ตาม ทางภาครัฐเชื่อว่า ยอดนำเข้ารถยนต์ของลาวจะเป็นไปตามเป้าในอีก 2 เดือนข้างหน้า เนื่องจากผู้ประกอบการนำเข้าจะเริ่มออเดอร์สั่งรถยนต์เข้ามาอยู่ในสต็อกแล้ว
จากข้อมูลของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ลาวเริ่มลดอัตราภาษีศุลกากรนำเข้ารถยนต์ลงตั้งแต่ปี 2551 และในปัจจุบันภาษีการนำเข้าสินค้าหลายประเภทรวมถึงรถยนต์ ลดลงมาเหลือ 0% โดยก่อนหน้านี้ อัตราภาษีศุลกากรในการนำเข้ารถยนต์สูงถึง 40%
อัตราการเก็บภาษีศุลกากรเป็นนโยบายการกีดกันทางการค้าที่บังคับใช้ในหลายประเทศ เพื่อปกป้องคุ้มครองสินค้าที่ผลิตภายในประเทศของตน โดยหลายประเทศพบว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะส่งออกสินค้าไปขายในประเทศที่ตั้งกำแพงภาษีสูงลิ่วในการนำเข้าสินค้า
จากข้อมูลอย่างเป็นทางการ ชี้ให้เห็นว่า ตัวเลขการนำเข้ารถยนต์ของลาวเติบโตสูงถึง 10-12% ต่อปีมาตั้งแต่ปี 2556 นอกจากนี้ ทางภาครัฐยังชี้ว่า การนำเข้ารถยนต์จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ถึงแม้จะมีการขึ้นภาษีผู้บริโภค เพราะกำลังซื้อของประชาชนลาวยังคงสูงอยู่ หากมองจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของลาว
โดยชาวลาวเองมีทางเลือกมากขึ้นในการซื้อรถยนต์ เนื่องจากผู้ประกอบการขายรถยนต์ค่ายต่างๆ ต่างก็อัดโปรโมชั่นมาให้ลูกค้าอย่างเต็มที่ เช่น ให้ลูกค้าผ่อนชำระในราคาดอกเบี้ยต่ำ หรือไม่ก็ดอกเบี้ย 0%
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เกิดแรงจูงใจและช่วยในการตัดสินใจที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น และคาดการณ์ว่าจะหนุนให้ยอดนำเข้ารถยนต์เฟื่องฟูอย่างนี้ต่อไปอีกหลายปี
ทั้งนี้ กรมโยธาธิการและขนส่งยังรายงานว่า ปริมาณรถยนต์ในลาวเพิ่มสูงขึ้นถึง 8.17% ในปี 2558 เมื่อเปรียบเที่ยบกับตัวเลขของปีก่อนหน้านี้
โดยปริมาณยานพาหนะในลาวขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 1,577,84 คันเป็น 1,717,504 คัน เป็นจักรยานยนต์ถึง 1,326,868 คัน รถยนต์ 337,449 คันและรถบรรทุก 53,187 คัน
กรุงเวียงจันทน์มีปริมาณรถยนต์มากที่สุดคือ 721,882 คัน ตามมาด้วยจังหวัดสะหวันนะเขต 273,279 คัน และจังหวัดจำปาสัก 145,289 คัน
เจ้าหน้าที่รัฐให้ความเห็นว่า จำนวนรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นแสดงให้เห็นว่าตลาดรถยนต์ในลาวยังคงมีอนาคตที่สดใสสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะในยุคของการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปัจจุบัน.