ญี่ปุ่นช่วยเหลือเมียนมาด้านอาหาร 4 ล้านดอลลาร์
ญี่ปุ่นจะเพิ่มเงินบริจาคเป็น 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 125 ล้านบาท) เพื่อเป็นความช่วยเหลือฉุกเฉินด้านอาหารแก่เมียนมาในการแก้ไขปัญหาวิกฤตมนุษยธรรมที่เกิดขึ้นหลังกองทัพก่อรัฐประหารในวันที่ 1 ก.พ. จากข้อมูลของกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น
โดยจะมีการส่งความช่วยเหลือผ่านโครงการอาหารโลก (WFP) ของสหประชาชาติ ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมการจัดส่งอาหารให้คนยากจนในเมียนมาได้ประมาณ 600,000 คนในนครย่างกุ้ง ซึ่งปริมาณอาหารกำลังลดลงหลังเกิดเหตุรุนแรงทางเมืองที่นางอองซานซูจี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนที่ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายถูกทหารยึดอำนาจ
“ความช่วยเหลือล่าสุดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการจัดสรรความช่วยเหลือเพื่อประโยชน์ด้านมนุษยธรรม และเป็นกรณีเร่งด่วนหลังเกิดรัฐประหาร” โทชิมิตสึ โมเทหงิ รมว.ต่างประเทศญี่ปุ่นกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา
ญี่ปุ่นมีความพยายามที่จะเจรจาพูดคุยกับเผด็จการทหาร ขณะที่ยังมีความระมัดระวังที่จะเข้าร่วมกับสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป รวมถึงประเทศอื่นๆที่คัดค้านการทำรัฐประหารด้วยการคว่ำบาตรทั้งบุคคลและกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหาร
ญี่ปุ่นเชื่อว่ามาตรการแทรกแซงกดดันจะยิ่งส่งผลทำให้เมียนมาใกล้ชิดกับจีนมากยิ่งขึ้น โดยจีนเป็นคู่แข่งด้านยุทธศาสตร์สำคัญของสหรัฐฯและมีพันธมิตรในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวประณามการปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรงของทหารเมียนมา เนื่องจากเป็นการประท้วงอย่างสันติ และเรียกร้องให้ยุติความรุนแรง ปล่อยตัวนางซูจีและผู้ที่ถูกควบคุมตัวคนอื่นๆ รวมถึงคืนประชาธิปไตยให้ประชาชน
โดยญี่ปุ่นระงับความช่วยเหลือด้านการพัฒนาใหม่ๆ สำหรับเมียนมาเพื่อเป็นการคัดค้านการก่อรัฐประหาร
ขณะเดียวกัน สหประชาชาติเตือนว่า จะมีชาวเมียนมาที่หิวโหยมากถึง 3.4 ล้านคน โดยเฉพาะคนจนเมืองภายใน 6 เดือนหน้า เนื่องจากวิกฤตการเมืองยิ่งส่งผลกระทบซ้ำเติมความยากจนที่มีก่อนรัฐประหารและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
ตอนนี้ มีสัญญาณแล้วว่าบรรดาครอบครัวในตัวเมืองเริ่มเข้าใกล้ความยากจนมากขึ้นเพราะขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง
ราคาน้ำมันพืชปรุงอาหารปรับเพิ่มขึ้นถึง 18% โดยเฉลี่ยตั้งแต่เดือนก.พ.เป็นต้นมาในย่างกุ้งและทั่วประเทศเมียนมา จากข้อมูลของ WFP