ฟิลิปปินส์เตือนระบาดระลอกใหม่
มะนิลา – ฟิลิปปินส์ประกาศมาตรการกักตัวในหลายพื้นที่ หลังมีการยกเลิกไปในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ในพื้นที่รอบเมืองหลวง
โดยประเทศกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ที่อาจย่ำแย่กว่าที่เคยเป็นในปีที่ผ่านมา
นักวิจัยเตือนว่าประเทศอาจมีผู้ติดเขื้อรายใหม่ถึง 8,000 รายต่อวันภายในสิ้นเดือนมี.ค. และอาจสูงถึง 18,000 รายต่อวันภายในช่วงกลางเดือนเม.ย. เนื่องจากไวรัสแพร่ระบาดเพิ่มเกือบสองเท่าจากอัตราเดิม
“เราพยายามจะไม่ทำให้คนตื่นตระหนก ที่เราพูดทั้งหมดคือวิทยาศาสตร์” ศ.กุยโด เดวิด โฆษกกลุ่มวิจัยออคตาประจำมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ระบุ
แฮร์รี โร้ก โฆษกประจำตัวประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตเผยในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ว่า เขาติดเชื้อโควิด-19 และในสัปดาห์ก่อนผบ.ตร.และผู้บริหารของอ.ย.ก็ตรวจพบว่าติดเชื้อเช่นกัน
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. วุฒิสภาประกาศว่า กำลังจะเข้าสู่มาตรการกึ่งล็อกดาวน์ หลังจากเจ้าหน้าที่ในโรงอาหารของวุฒิสภา 3 คนติดเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี โดยกระทรวงสาธารณสุขรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากถึง 3,000 – 5,000 รายในเดือนนี้
ฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 622,000 รายและผู้เสียชีวิตเกือบ 13,000 ราย สูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย
กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า เหตุผลสำคัญคือ ผู้คนออกจากบ้านมากขึ้น รับประทานอาหารที่ร้าน และในบ้านพร้อมกับเพื่อนและญาติเป็นกลุ่มใหญ่
เพื่อเป็นการสกัดการแพร่ระบาด รัฐบาลจึงประกาศมาตรการเคอร์ฟิวตั้งแต่ 22.00 – 05.00 น. ทั่วกรุงมะนิลา ขณะที่หลายเมืองประกาศห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกครั้งและกำหนดให้มีการกักตัว
โร้กระบุว่า การล็อกดาวน์ทั่วประเทศยังไม่ใช่ทางเลือกในตอนนี้ “ล็อกดาวน์ทั่วประเทศแรงเกินไป เราจะมีประชาชนที่ยากลำบากมากขึ้นเพราะล็อกดาวน์ มากกว่าที่จะป่วยจากโควิด-19”
เขายังย้ำว่า การตัดสินใจของรัฐบาลที่ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มในเดือนต.ค.เป็นไปเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ดิ่งลง
และไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในตอนนี้
“นั่นไม่ใช่ปัญหา อาจเป็นเพราะไวรัสกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ มันเป็นธรรมชาติของไวรัส”
มีรายงานว่า ในโรงพยาบาลอย่างน้อย 3 แห่งในกรุงมะนิลา ห้องไอซียูเต็มหมดจากผู้ป่วยโควิด-19
รัฐบาลถูกวิจารณ์ว่า ทำให้ประเทศย่ำแย่นานเป็นปี หลังจากเป็นหนึ่งประเทศที่มีมาตรการล็อกดาวน์ที่ยาวนานและเข้มงวดที่สุดในโลก