ผู้นำอินโดฯหวังฉีดวัคซีนโควิด ม.ค.ปีหน้า
ประธานาธิบดีโจโค วิโดโดแห่งอินโดนีเซียหวังว่าโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แห่งชาติจะเริ่มต้นได้ในเดือนม.ค.2564
“ ด้วยพระประสงค์ของพระเจ้า เราจะเริ่มฉีดวัคซีนได้ในเดือนม.ค.นี้ จากการทำนายของเรา เราจะกลับสู่ภาวะปกติได้ในปีหน้า โปรดสวดภาวนาร่วมกันเพื่อให้เรากลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว” โจโควี่ระบุเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.
เขากล่าวต่อไปว่า การฉีดวัคซีนตั้งเป้าจะฉีดวัคซีนให้ได้ถึง 70% ของประชากรอินโดนีเซียทั้งประเทศ หรือประมาณ 182 ล้านคน ซึ่งการฉีดวัคซีนในสัดส่วนเท่านั้น เชื่อว่าจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้
ปัจจุบัน มีวัคซีนเพียงพอในประเทศสำหรับ 600,000 คน โดยองค์การอาหารและยาอินโดนีเซีย (BPOM) กำลังทำการศึกษาผู้ผลิตวัคซีนเพิ่มเติมในการอนุมัติเพื่อใช้งานฉุกเฉิน
“ผมขอเป็นคนที่ฉีดวัคซีนคนแรก เพื่อแสดงให้เห็นว่าวัคซีนปลอดภัย” ผู้นำอินโดนีเซียกล่าว
โจโควี่เตือนประชาชนว่า การฉีดวัคซีนจะใช้เวลาเพราะจำนวนประชากรของประเทศ โดยเขาระบุว่าโครงการฉีดวัคซีนมีหลายระยะ เริ่มต้นที่บุคลากรทางการแพทย์ก่อน ทหารในกองทัพ และตำรวจ ก่อนที่จะไปถึงประชาชน
ประธานาธิบดีระบุว่า วัคซีนในอนาคตจะต้องผ่านการอนุมัติจาก BPOM และรับรองฮาลาลจาก Ulema Council (MUI) และวัคซีนจะฉีดฟรีให้กับประชาชนทุกคน
ขณะที่ เรตโน แอลพี มาร์ซูดี รมว.ต่างประเทศระบุเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ว่า รัฐบาลยังคงทำงานในการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอสำหรับชาวอินโดนีเซียทุกคน
จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ จะมีวัคซีนโควิด-19 จำนวน 2,200 ล้านโดสในปี 2564 และมีวัคซีนในอนาคตอีก 37,600 ล้านโดสที่ถูกสั่งจองซื้อโดยประเทศไม่ถึง 50 ประเทศ ซึ่งรวมถึงอินโดนีเซียด้วย
อินโดนีเซียมีความสามารถในการจัดเก็บวัควีนในอุณหภูมิ 2 – 8 องศาเซลเซียส ขณะที่วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคต้องเก็บในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ประกาศว่าจะเฝ้าจับตาดูปฏิกิริยาแพ้วัคซีนโควิด-19 และแนะนำว่า ผู้ที่มีประวัติภูมิแพ้ไม่ควรฉีดวัคซีน และผู้ที่มีอาการแพ้วัคซีนโควิด ไม่ควรฉีดวัคซีนโดสที่ 2
องค์การอาหารและยาสหรัฐฯกำลังสอบสวนกรณีการแพ้วัคซีน 5 เคสที่เกิดขึ้นหลังได้รับวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคในสหรัฐฯสัปดาห์นี้