NATIONAL

ดูแล้ว: 36 เชื่อไม่เกิน 2 ปี จีนยอมสยบสงครามการค้าสหรัฐฯ เจรจาเพื่อผ่อนปรบเงื่อนไขโหด บีบทุนต่างชาติ”คลายเทคโนโลยี-ขายหุ้น” จี้รัฐบาลไทยหาทางรับมือแผนดั้มพ์สินค้าหลังจีน ห่วงไทยอาจติดข่าย “ผู้ร้าย” โดนสหรัฐฯเล่นงาน ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระ และอดีตกรรมการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวถึงปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนว่า เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจของสหรัฐฯค่อนข้างแข็งแกร่ง และสามารถจะอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งพาการส่งออกหรือนำเข้าจากต่างประเทศ หากสงครามขยายตัวไปมากกว่านี้ ขณะที่จีนเองน่าจะมีความอดทนในด้านนี้ได้น้อยกว่า  ดังนั้น จึงมองว่าท้ายที่สุดแล้ว ในภาวะที่สหรัฐฯถือไพ่เหนือกว่า จะเป็นฝ่ายจีนที่พยายามหาทางเจรจาเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาข้างต้น และเป็นฝ่ายโอนอ่อนให้กับสหรัฐฯ ด้วยการยอมลดหรือยกเลิกเงื่อนไขที่เคยบังคับให้นักลงทุนต่างชาติต้องถ่ายทอดเทคโนโลยี และลดหรือยกเลิกการบังคับให้ฝ่ายจีนต้องเข้ามาถือหุ้นกิจการของต่างชาติ ทั้งนี้ เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวจะยังคงอยู่และน่าจบปัญหาสงครามการค้าได้ภายใน 2 ปี อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงจากผลพวงของปัญหาดังกล่าว คือ หากจีนได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ อาจเป็นไปได้ว่าจีนจะนำสินค้าที่ได้รับผลกระทบ เช่น สินค้าในกลุ่มเหล็กและอิเล็กทรอนิกส์ มาขายดั้มพ์ราคาในไทย ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงต้องวางแผนรับมือไว้เสียแต่เนิ่นๆ ส่วนการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดสหรัฐฯทดแทนสินค้าจีนนั้น มองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากสินค้าไทยส่วนใหญ่เป็นสินค้าขั้นกลางที่ส่งออกไปจีน เพื่อผลิตและส่งไปขายต่อยังตลาดสหรัฐฯและกลุ่มประเทศอื่นๆ นายศิวัสน์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวเสริมว่า ปีนี้ จีนอาจไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ามากนัก แต่ในปีหน้าผลของมันจะลุกลามและบานปลายมากขึ้นจึงน่าที่จีนจะต้องเร่งหาทางเจรจาเพื่อยุติปัญหาดังกล่าวภายในปีหน้า เนื่องจากจีนคงไม่อาจทนต่อสภาพการณ์เช่นนี้ได้นานนัก นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า สไตล์การบริหารประเทศของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ มักจะมองหา “ผู้ร้าย” ที่รังแกสหรัฐ และก็เป็นเขาที่เข้ามาช่วยกอบกู้หรือแก้ไขปัญหาให้สหรัฐฯ ตอนนี้อาจเป็นจีน อนาคตอาจเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และไทยก็อาจเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่ถูกมองว่าเอาเปรียบและเป็น “ผู้ร้าย” คอยรังแกสหรัฐฯ หลังจากกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ รายงานก่อนหน้านี้ว่า การย้ายโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ “ฮาร์เลย์ เดวิสัน” มายังประเทศไทย... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 39 กสิกรไทยเชื่อสงครามการค้าสหรัฐ-จีน และวิกฤติเศรษฐกิจของตุรกี ไม่ส่งผลกระทบทางตรงต่อไทยมากนัก ชี้โครงสร้างเศรษฐกิจยังแข็งแกร่งเกินตลาดเกิดใหม่อื่นๆ เชื่อค่าบาทอ่อนตัวระยะสั้น แต่มั่นใจดอกเบี้ยไทยยังคงนิ่ง น.ส.พีรพรรณ สุวรรณรัตน์ ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุนอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงทิศทางค่าเงินและดอกเบี้ยในครึ่งหลังปี 2561 ว่า จากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน อาจส่งผบกระทบทางอ้อมต่อไทย เนื่องจากไทยส่งออกสินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางไปจีนจำนวนมาก และจีนนำไปผลิตเพื่อส่งออกต่อไปยังสหรัฐ หากจีนได้รับปลกระทบจากมาตรการภาษีและสงครามการค้า ก็อาจส่งผลต่อมายังการส่งออกของไทย อย่างไรก็ตาม ยังมองเห็นโอกาสที่การส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ ซึ่งมีหลายอย่างคล้ายกับจีน โดยเฉพาะสินค้าอีเล็กทรอนิกส์ ที่ไทยอาจทดแทนสินค้าจีนได้ ส่วนความเป็นตลาดเกิดใหม่ของไทย อาจไม่ได้รับผบกระทบมากนักจากปัญหาค่าเงินตุรกีที่ลดต่ำลง จนส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เนื่องจากไทยมีโครงสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ทั้งตัวเลขดุลการค้าดุลบัญชีเดินสะพัด และเงินสำรองต่างประเทศที่แข็งแกร่งกว่าหลายประเทศในกบุ่มประเทศเกิดใหม่  สำหรับค่าเงินบาทนั้น มีแนวโน้มอ่อนค่าในระยะสั้น แต่ระยะปานกลางเชื่อว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินหยวนของจีน อาจส่งผบกระทบต่อนักนักท่องเที่ยวของจีน น.ส.วรันธร ภู่ทอง ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุนอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวดีขึ้น คาดว่าการส่งออกยังคงเติบโตที่ระดับ 8-9% ขณะที่จีดีพี คาดว่าจะโต4.5% ทั้งนี้ เชื่อว่าค่าเงินบาทน่าจะอ่อนค่าลงตามค่าเงินหยวนของจีน และอาจปรับลดถึงระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ แต่คงเป็นไปในระยะสั้น จากนั้นก็น่าจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอัตราที่เหมาะสมต่อระบบเศรษญกิจไทย ส่วนอัตราดอกเบี้ยของไทย เชื่อว่าจากสภาพเศรษฐกิจยามนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ระดับเดิมที่ 1.5% แม้ว่าจะมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีก 2 ครั้งๆ บะ 0.25% ในเดือนกันยายนแบะธันวาคมนี้ก็ตาม.... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 31 บสก.ยอมรับพฤติกรรมลูกค้า เน้นดูทรัพย์ด้วยตาตัวเองมากกว่าใช้บริการเว็บไซต์ ระบุ พร้อมนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ดำเนินงาน ควบคู่กับการวางระบบป้องกันภัยแฮกเกอร์ ชี้ปลายปีนี้มีสิทธิ์เข้าเทรดในตลาดหุ้น เชื่อส่งผลดีต่อการดำเนินงานทุกด้าน นายบรรยง วิเศษมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.)กล่าวถึงแนวทางการเป็น Digital Enterprise ว่า แม้ บสก.จะมุ่งเน้นให้บริการลูกค้า ผ่านช่อง Digital Marketing เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม แต่ข้อเท็จจริง คือ ช่องทางนี้ยังต้องพัฒนาอีกมาก อีกทั้งพฤติกรรมของลูกค้าในกลุ่มธุรกิจนี้ มักเน้นที่การเดินทางมาดูทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) ด้วยตนเอง มากกว่าจะดูผ่านเว็บไซต์ที่ บสก.ได้ดำเนินการผ่านช่องทาง  Market Place ไปแล้ว ส่วนกรณีที่ นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาระบุก่อนหน้านี้ ว่าไม่เพียงธนาคารพาณิชย์จะตกเป็นเป้าโจมตีของแฮ็กเกอร์ต่างชาติ แต่ยังรวมถึงธุรกิจและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องระวังเอาไว้ด้วย นายบรรยงกล่าวว่า แม้ บสก.จะไม่อยู่ในข่ายการโจมตีข้อมูลของแฮ็กเกอร์ต่างชาติ อีกทั้งการโอนสินทรัพย์ใดๆ มิอาจจะทำได้เพียงแค่การเข้ามาแฮ็กข้อมูล แต่ต้องไปโอนต่อหน้าเจ้าหน้าที่รัฐ กระนั้น บสก.ก็ไม่ประมาท และเตรียมการยกระดับทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย ควบคู่กับการสร้างระบบป้องกันตัวเองจากการถูกโจมตี ทั้งการลงทุนด้านบุคลากร ด้านอุปกรณ์ที่ทันสมัยมรวมถึงการดึงเอาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาช่วยในการวางระบบและพัฒนาด้านบุคลากรต่อไป... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 20 “บรรยง วิเศษมงคลชัย” ยืนยันแนวทางของ บสก.เน้นทำธุรกิจควบคู่คืนกำไรให้กับสังคม ชี้ผลลัพธ์ดีเกินคาด ตัวเลขทุกตัวดีขึ้นยกแผง ชี้ยึดหลักปฏิบัติกับลูกหนี้เอ็นพีแอลและลูกค้าเอ็นพีเอระดับชั้นดีของแบงก์ ช่วยลดภาระรายจ่ายแฝงปีละหลายสิบล้าน ระบุแค่ขายทรัพย์ตรงผ่านรายใหญ่ รวมขายรายย่อยผ่านป้ายและออกบูธ ยอดทะลุ 6,000 ล้านแล้ว นายบรรยง วิเศษมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.) กล่าวถึงนโยบายการบริหารงานของ บสก.จากนี้ ว่า เป็นไปตามแนวทางที่นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ให้ไว้คือ ดำเนินธุรกิจที่เน้นทำกำไรอย่างเหมาะสม ควบคู่กับการคืนกำไรให้กับสังคม ทั้งนี้ เชื่อว่าจะเป็นแนวทางการดำเนินงานที่ยั่งยืน และเป็นที่ยอมรับจากสังคม ขณะที่ผลการดำเนินงานก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด “แน่นอนว่าการทำธุรกิจ เราต้องตอบโจทย์ของเจ้าของ ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสีย แต่ต้องไม่ลืมที่จะตอบแทนสังคม โดยในส่วนของลูกค้าเอ็นพีแอล เราจะปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนเป็นลูกค้าชั้นดีของธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้ได้กลับมาเป็นเจ้าของสินทรัพย์เหล่านั้นโดยเร็ว ขณะเดียวกันต้องเปิดโอกาสให้กลุ่มคนที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยของตัวเอง ได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยตามกำลังที่พวกเขาจะพึงมี” นายบรรยงกล่าวว่า ส่วนใหญ่ขององค์กรและผู้บริหารทุกระดับในกลุ่มบริษัทบริหารสินทรัพย์ ไม่เข้าใจปรัชญาและหลักการของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ที่ต้องเน้นทำกำไรควบคู่กับการสร้างโอกาสให้แก่คนในสังคม ซึ่งจากนี้ไป บสก.จะยึดแนวทางนี้ในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานช่วงที่ผ่านได้พิสูจน์ถึงผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงานของบสก. กล่าวคือ การให้โอกาสลูกค้าได้กลับมาครอบครองสินทรัพย์ของตัวเอง (เอ็นพีแอล) และการได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์รอการขายที่ผ่านการปรับปรุงสินทรัพย์ใหม่ (เอ็นพีเอ) โดยคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำแค่ MLR-3% นั้น สิ่งนี้ ไม่เพียงให้โอกาสลูกค้าทั้ง 2 กลุ่มในการเข้าถึงทรัพย์สินได้เร็วขึ้น หากยังเป็นการลดภาระรายจ่ายของบสก.ที่ต้องมีจากค่าส่วนกลางของโครงการบ้านจัดสรร (บ้านเดี่ยว) และโครงการคอนโดมิเนียม กว่า 1,000,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ หากนับการออกไปตรวจสอบ (Visit) สินทรัพย์ในส่วนของเอ็นพีเอที่ต้องทำทุกเดือน และเอ็นพีแอลในทุกๆ 3 เดือนแล้ว นับว่าเป็นต้นทุนรายจ่ายแฝงที่ทีมูลค่ารวมกันหลายสิบล้านบาทต่อปีทีเดียว ประธานกรรมการบริหาร บสก. กล่าวอีกว่า ช่วงที่ผ่านมา บสก.สามารถขายสินทรัพย์ทั้งในกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ผ่านช่องทาง “เสนอขายโดยตรง”... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 38 AIA จัดกิจกรรมฉลอง 80 ปีในไทย ลุยงาน AIA Sharing A Life Charity Run ปีที่ 5 เน้นการสร้างเสริมคุณภาพชีวิต เผยจัดพร้อมกัน 10 จังหวัดทั่วไทย ดีเดย์ 8 ก.ย.นี้ พร้อมกิจกรรมการกุศลต่างๆ มากมาย นายตัน ฮาค เลห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 38 แกนนำองค์กรท่องเที่ยว 5 เมืองใหญ่ของจีนบุกไทย ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนนักเที่ยวจีนจาก 10 ล้านคนเป็น15 ล้านคน พร้อมขยับเพิ่มรายจ่ายต่อหัวต่อครั้งเป็น 5-6 หมื่นบาทภายในปีหน้า เผยทางการจีนและคนจีนไม่ติดใจเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต หลังพบความจริงของต้นเหตุ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ส.ค.61) ได้มีตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวภาคเอกชน จาก 5เมืองใหญ่ของจีน ประกอบด้วยผู้แทนจากเมืองปักกิ่ง ฝูเจี้ยน หูหนาน ซีอาน และเสินเจิ้น เข้ามาเซ็นโอยูกับตัวแทนไทยระหว่างเข้าร่วมงาน #กรุงไทยชวนเที่ยวไทย เพื่อร่วมส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศไทย ภายหลังเกิดเหตุการณ์เรือท่องเที่ยวล่มใน จ.ภูเก็ตก่อนหน้านี้ จนมีนักท่องเที่ยวชาวจีนบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยช่วงเข้าก่อนหน้านั้น นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทยและคณะ ได้พาตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวภาคเอกชนจีนกลุ่มนี้ เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และมีการหารือเพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวจีนกลับคืนมาโดยเร็ว ทั้งนี้ นายไช้ เซียง ซิง นายกสมาคมซิซือ เมืองฝูเจี้ยน ในฐานะหัวหน้าคณะฯ กล่าวว่า คนจีนรู้สึกเป็นมิตรกับคนไทยและชื่นชอบการท่องเที่ยวในไทยอย่างมาก ทั้งนี้ หากรัฐบาลและภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและกัน รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ตนมั่นใจว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเที่ยวในเมืองไทยราวปีละ 10 ล้านคน และใช้จ่ายต่อคนต่อครั้งที่ 50,000 บาทนั้น จะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านคน และใช้จ่ายต่อคนต่อครั้งใมากกว่า50,000 – 60,000 บาทอย่างแน่นอน “คนจีนคิดกับคนไทยเสมือนว่าเป็นพี่น้องกัน กรณีเรือนักท่องเที่ยวล่มที่ จ.ภูเก็ต ทางการจีนรับรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงในทางลึกหมดแล้ว รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดมาจากอะไร ซึ่งทั้งรัฐบาลจีนและคนจีนก็ไม่ได้ติดใจอะไร จึงอยทกให้ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันเรื่อยไป และสมาคมท่องเที่ยวใน 5 เมืองใหญ่ก็พร้อมจะช่วยผลักดันและดึงนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ภายปีหน้านี้” นายไช้ เซียง ซิง กล่าว.... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 24 กรุงไทยเร่งปล่อยกู้เอสเอ็มอีด้านท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่อง เน้นลูกค้าจัดทำระบบบัญชีเดียว ตั้งวงเงิน 2,000 ล้าน ดอกเบี้ย 5% ระบุถ้าคุณสมบัติตรงเสปคมาก่อนได้ก่อนภายในปีนี้ เผยกู้ตั้งแต่หลักแสนจนถึงไม่เกินร้อยล้านบาท นายปฏิเวช สันตะวานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานธุรกิจขนาดกลาง ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารฯตั้งวงเงินสินเชื่อราว 2,000 ล้านบาท สำหรับปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร รถเช่า และอื่นๆ โดยต้องยอมรับเงื่อนไขในการจัดทำระบบบัญชีเดียว ทั้งนี้ ธนาคารฯคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำที่ 5% ผ่อนนาน 12 ปีคาดว่าจะหมดภายในปีนี้ ดังนั้น จึงอยากให้ผู้ประกอบเอสเอ็มอีด้านการท่องเที่ยวทุกกลุ่มที่สนใจ รีบยื่นแสดงความจำนงในการขอสินเชื่อโครงการนี้โดยเร็ว “เรามองว่าธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการผลักดันระบบเศรษฐกิจไทยให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ในยามที่การส่งออกและเสาหลักเศรษฐกิจตัวอื่นๆ เริ่มมีปัญหา จึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นมา เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบกลุ่มนี้เป็นการเฉพาะ” นายปฏิเวชกล่าวว่า แม้ธุรกิจท่องเที่ยวจะขึ้นลงตามฤดูกาลท่องเที่ยว แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยพบปัญหาหนี้เสียมากนัก ทั้งนี้ ธนาคารฯพร้อมจะเข้ามาดูแลด้านสินเชื่อกับลูกค้าเอสเอ็มอีที่จัดทำระบบบัญชีเดียว กำหนดวงเงินกู้ตั้งแต่ ต่ำกว่า 20 ล้านบาท จนถึงหลักแสนบาท, 20 ล้านบาท, 50 ล้านบาท และไม่เกิน 100 ล้านบาท สำหรับภาพรวมพอร์ตสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่และขนาดกลางแต่ไม่รวมรายเล็กและรายย่อยนั้น นายปฏิเวชกล่าวว่า ธนาคารฯมียอดสินเชื่อรวมราว 200,000 ล้านบาทซึ่งแต่ละกลุ่มมีอัตรการเติบโตที่ต่างกัน โดยกลุ่มลูกค้ารายใหญ่โตประมาณ 7% ขณะที่ลูกค้าขนาดกลางโตเพียง 4% แต่ก็สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อยก็ตาม ทั้งนี้ ยอดสินเชื่อ 200,000 ล้านบาทนั้น คิดเป็นวงเงินที่ปล่อยให้กับลูกค้าราว 60-70% ที่ยื่นขอกู้มา อีก 30-40% ที่ไม่ได้ให้กู้ เป็นเพราะมีเงื่อนไขที่ไม่ตรงกับธนาคารฯ หรือขาดคุณสมบัติของการเป็นลูกค้าสินเชื่อนั่นเอง.... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 26 เอ็มดี SMEDBank เผย พร้อมปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ 4-5% ให้ลูกค้าเอสเอ็มอีกู้รายละ 1-5 ล้าน หลังข่าวน้ำท่วมทำลูกค้าหมดความเชื่อมั่น ถอนแผนท่องเที่ยวและเลิกจัดสัมมนา จนกระทบสภาพคล่องทางธุรกิจ        นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Development... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 36 กรุงไทยร่วมพันธมิตรธุรกิจจัดงาน “ชวนเที่ยวไทย” สานต่อนโยบายรัฐ ดึงนักท่องเที่ยวกระจายเม็ดเงินสู่จังหวัดรองทั่วไทย พร้อมออกสินเชื่อท่องเที่ยวดอกเบี้ย 4% ให้ผู้ประกอบการ SME  และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงาน Global Business Development and Strategyธนาคารกรุงไทย กล่าวถึงการจัดงาน “#กรุงไทยชวนเที่ยวไทย” ว่า แม้ภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยจะดีขึ้น โดยปี 2560 มีรายได้จากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเกือบ 2.8 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่สูงมากเมื่อเทียบกับจีดีพี ทั้งนี้ หากแยกเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติราว ... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 31 กรุงไทย แอกซ่า เดินหน้าสนับสนุนผ้าไทย จัดงาน “ภูษาศิลป์ แผ่นดินสยาม The exquisite textiles of Siam” ยืนยันคงนโยบายใช้ผ้าทอมือทำปกกรมธรรม์ต่อไป ชีเป็นแห่งเดียวในโลก มั่นใจผู้เกี่ยวข้องได้รับโอกาสดีและมีชีวิตตามใจปราถนา  นิทรรศการ “ภูษาศิลป์ แผ่นดินสยาม The... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 34 เมืองไทยประกันชีวิต สวมบท “เสือปืนไว” นำร่องสร้างต้นแบบขยายความคุ้มครองแก่ลูกค้า OPD ที่ป่วยเป็นโรคระบบประสาท เข้ารับการรักษาแบบ “เทเลคลินิก” โดยเริ่มที่ประกันส่วนบุคคล ก่อนขยายไปยังประกันกลุ่ม เผยปลายสัปดาห์นี้ คปภ. เตรียมอนุญาตเดินเครื่องได้แล้ว นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กล่าวว่า บริษัทฯเตรียมขยายความคุ้มครองให้กับลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ในกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) ที่มีอาการป่วยเป็นโรคระบบประสาท สามารถเข้ารับการบริการรักษาทางไกล หรือ “เทเลคลินิก” ที่โรงพยาบาลจุฬาฯเตรียมจะนำมาใช้ในโครงการ CHULA CARE ในเร็วๆ นี้ โดยจะครอบคลุมลูกค้าประกันส่วนบุคคลและลูกค้าประกันกลุ่ม ทั้งนี้ ช่วงแรกจะเริ่มกับกลุ่มผู้ป่วยนอกส่วนบุคคลก่อน เนื่องจากได้ยื่นขอแก้ไขเพื่อขยายความคุ้มครองไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจการประกันภัย (คปภ.) แล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ส่วนลูกค้าประกันกลุ่ม ซึ่งถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่มีฐานผู้เอาประกันสูงมาก คงต้องดำเนินการหลังจากนี้ และทั้งหมดจะต้องขึ้นอยู่กับแผนงานใหญ่ของโรงพยาบาลจุฬาฯด้วย “เราเองพยายามจะยกระดับการให้บริการในทิศทางเดียวกับเทคโนโลยีที่พัฒนาไปข้างหน้า การเข้าร่วมโครงการ CHULA CARE ถือว่าเราได้สร้างต้นแบบขให้กับวงการประกันชีวิตที่ได้ขยายความคุ้มครองให้กับลูกค้าในกลุ่มผู้ป่วยนอก โดยที่จะไม่ติดค่าบริการใดๆ เพิ่ม ทั้งนี้ เพราะลูกค้าเหล่านั้นควรได้รับสิทธิในการรับความคุ้มครอง ไปพร้อมๆ กับการได้รับการรักษาที่ทันสมัย นอกจากนี้ มีโอกาสที่บริษัทฯจะขยายความคุ้มครองไปยังอาการป่วยอื่นๆ ตามที่โรงพยาบาลจุฬาฯจะดำเนินในโอกาสต่อไป” สำหรับความคืบหน้าโครงการอีลิท เฮลท์ หรือสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพนั้น นายสาระกล่าวว่า ยังคงเดินหน้าและมีผู้สนใจสมัครเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ราว 5,000-6,000 กรมธรรม์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าในกลุ่มที่ซื้อประกันเพิ่มวงเงิน 20 ล้านบาทมากที่สุด รองลงมาเป็นลูกค้าวงเงิน 40 ล้านบาท และ 75 ล้านบาทตามลำดับ ทั้งนี้ลูกค้าอีลิทในกลุ่ม 100 ล้านบาทขึ้นไป ก็เริ่มมีบ้างแล้ว เพียงแต่ยังไม่มากนัก.... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 41 รพ.จุฬาลงกรณ์ผนึกกสิกรไทยและเมืองไทยประกันชีวิต เปิดตัวโครงการ CHULA CARE พัฒนาเทคโนโลยีหนุนงานบริการทางการแพทย์ยุคใหม่ หวังยกระดับบริการผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย และบุคลากรของโรงพยาบาล เชื่อสร้างคุณภาพบริการขึ้นชั้นแนวหน้าของภูมิภาค เผยตั้งเป้าลดผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาวันละ 5,000 คน ลง 30% ภายใน 3 ปี    ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณบดี คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงความร่วมมือกับกสิกรไทยและบมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ระหว่างเปิดตัวโครงการ CHULA CARE ว่า เป็นการนำเทคโนโลยีที่ 2 องค์กรมีความรู้และประสบการณ์มาช่วยยกระดับการให้บริการระบบการบริหารจัดการผู้ป่วย พัฒนาแผนที่และการนำทาง ส่งเสริมข้อมูลด้านสุขภาพและการสร้างเสริมสุขภาพ รวมถึงการรักษาทางไกล โดยการรักษาทางไกลนี้จะเริ่มให้บริการผู้ป่วยคลินิกระบบประสาท (Tele Neurology Clinic) ก่อน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียงในระบบประสาท และไม่สะดวกเข้ามาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายในการนำผู้ป่วยเดินทางมาพบแพทย์ และลดระยะเวลาการรอคอยการพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 40 กสิกรไทยเดินหน้าหนุนเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน ขายสินค้าผ่าน K PLUS Market การตลาดออนไลน์ที่มีลูกค้าทะลุ 9 ล้านคน หวังเพิ่มโอกาสให้ผู้ค้ากว่า 1,200 ราย ตั้งเป้ายอดขายเบาะๆ แค่ 100ล้าน เผยพร้อมดันสินค้าไทยส่งออกเพื่อนบ้าน AEC+3 ผ่านเครือข่าย 16 สาขาและแบงก์พันธมิตรอีกกว่า 70 แห่งทั่วภูมิภาค นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวภายหลังพิธีลงนามในความร่วมมือสนับสนุนเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ว่าธนาคารฯพร้อมสนับสนุนโครงการนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชนถือเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทยในยุค 4.0 ซึ่งธนาคารฯจะให้ความช่วยเหลือใน 4 ด้าน ประกอบด้วย 1.การต่อยอดธุรกิจ เชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้ขายกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการขยายตลาดออนไลน์ ได้พบกับลูกค้ารายย่อยที่ใช้งาน K PLUS กว่า 9 ล้านราย ผ่าน K... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 41 กกร.ห่วงปัญหาน้ำท่วม เชื่อยังไม่รุนแรงและไม่ใช่พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมหลักของไทย ด้านแบงก์พาณิชย์ พร้อมให้ความช่วยเหลือตามสูตรที่เคยทำ ตั้งแต่ลดหนี้ พักหนี้ ปล่อยกู้เพิ่ม... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 60 รัฐตอกย้ำให้ กกร.มั่นใจ แผนการกีโยตินกฎหมายล้าหลังและซ้ำซ้อน คาด 6 เดือนเห็นความเปลี่ยนแปลง เชื่อธุรกิจเอกชนจะได้รับประโยชน์มากขึ้น นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย... อ่านต่อ

ประเด็นข่าว